น้ำ (WATER)
สิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตมนุษย์รอง
จากออกซิเจนในอากาศสำหรับหายใจก็คือ น้ำ และยังเป็นปัจจัยสำคัญต่อการดำรงอยู่ของทุกชีวิต
เราจำเป็นต้องบริโภคน้ำสะอาดเพื่อสุขภาพที่ดี โดยทั่วไปแล้วคนเราอาจขาดน้ำได้ประมาณ
3 – 5 วัน ซึ่งหากเกินกว่านี้เราอาจเสียชีวิตได้
เพราะน้ำเป็นองค์ประกอบของอวัยวะต่างๆภายในร่างกายนี่เอง คุณภาพน้ำจึงมีอิทธิพลยิ่งต่อสุขภาพของร่างกายและจิตใจ
ร่างกายของมนุษย์ประกอบด้วยน้ำ 70% และทุกๆเซลล์ของร่างกายจะมีน้ำเป็นองค์ประกอบ
70% เช่นกัน ความต้องการน้ำของร่างกายทำให้เราต้องการน้ำวันละประมาณ
2.5 ลิตร และขับน้ำออกจากร่างกายวันละ 2.5 ลิตร เช่นกัน โดยน้ำจะหมุนเวียนในร่างกาย และเข้า-ออกในเซลล์ต่างๆในรูปของเลือด
จะพาสารอาหาร โปรตีน ไขมัน น้ำตาล วิตามิน เกลือแร่ ฯลฯ
ไปยงอวัยวะที่เป็นจุดหมายปลายทาง เลือดมีน้ำเป็นองค์ประกอบ 92% สมองมีน้ำเป็นองค์ประกอบ 85%
คำสั่งจากสมองไปยังอวัยวะต่างๆในร่างกายก็อาศัยตัวกลางคือน้ำเป็นสื่อ
น้ำดื่มที่คุณภาพและจำนวนพอเพียงจะทำให้สมองเฉียบแหลม ผิวพรรณดูชุ่มชื้น อ่อนเยาว์ไม่เหี่ยวย่น
ลูกตาจะมีน้ำหล่อเลี้ยงและเส้นผมจะดูเป็นเงางาม น้ำที่หมุนเวียนในร่างกาย
เมื่อเราดื่มน้ำ เราต้องมั่นใจว่า น้ำที่ดื่มต้องเพียบพร้อมด้วยคุณภาพ
ไม่ใช่น้ำสกปรกมีสารพิษเจือปน เพราะอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพได้ ฉะนั้นปริมาณน้ำที่ร่างกายต้องการต่อวันเพื่อช่วยสร้างความสมดุลต้องไม่น้อย
กว่า 8 แก้ว (240ซีซี) ความสมดุลที่ว่าคือ
ปริมาณน้ำที่ดื่ม กับ น้ำที่ร่างกายขับออกต่อวัน ควรจะเท่ากัน
ความสำคัญของน้ำต่อชีวิต (The Important of Water)
ในสภาวะปกติน้ำที่ขับถ่ายออกจากร่างกายประมาณวันละ 2,500 ซีซี ซึ่งออกมาในรูปของ - ปัสสาวะ
1,500 ซีซี/วัน - อุจจาระ 200 ซีซี/วัน -
เหงื่อ 500 ซีซี/วัน - ละอองน้ำในลมหายใจออก 300 ซีซี/วัน น้ำที่ร่างกายต้องการประมาณ
วันละ 2,500 ซีซี ได้มาจาก - น้ำดื่ม 1,500 ซีซี/วัน - อาหารที่บริโภค เช่น ผัก ผลไม้ฯลฯ 800 ซีซี/วัน
- ปฏิกิริยาเคมีในร่างกายเกิดจากเมตาบอลิซึ่ม 200 ซีซี/วัน ถ้ามีการออกกำลังกาย
ร่างกายจะเสียน้ำมากขึ้นทั้งจากเหงื่อและจากกล้ามเนื้อที่ต้องใช้น้ำจึงทำ ให้ต้องดื่มน้ำมากขึ้น
จำนวนน้ำดื่มมากน้อยตามลักษณะการออกกำลังกาย จำนวนน้ำในร่างกายถ้าลดลงเพียง 2%
ร่างกายจะเริ่มทำงานสับสน ถ้าขาดน้ำถึง 5% การทำงานของร่างกายจะผิดปกติไปถึง
30% ถ้าเสียน้ำไปมากกว่านี้โดยไม่แก้ไข จะหมดความรู้สึก
เวียนศีรษะ อาจถึงหมดสติและเสียชีวิตได้ เมื่อร่างกายขาดน้ำจะกระตุ้นให้สมองส่วนล่าง
(Hypothalamus) เกิดความรู้สึกกระหายน้ำ ซึ่งเป็นสิ่งบ่งชี้ว่าร่างกายต้องการน้ำ
ต้องรีบดื่มน้ำ
บทบาทของ “น้ำ” ในร่างกายมนุษย์ 10
ประการ
1. น้ำเป็นตัวลำเลียงสารอาหาร
ออกซิเจน ให้กับเซลล์ และเป็นตัวลำเลียงของเสียออกจากเซลล์ สารอาหารที่ร่างกายได้รับสามารถละลายได้โดยมีน้ำเป็นตัวกลาง
จากนั้นจะถูกลำเลียงส่งไปตามกระแสเลือด และถูกดูดซึมสร้างเป็นพลังงานให้กับเซลล์
สร้างความแข็งแรงให้กับเซลล์ นอกจากร่างกายจะได้รับออกซิเจนจากอากาศหายใจเข้าแล้ว เรายังได้รับจากน้ำที่ดื่มด้วย
หากเราได้รับออกซิเจนเพียงพอจะช่วยให้คงความสดชื่นให้แก่เซลล์อยู่เสมอ ช่วยป้องกันความเหนื่อยล้าและต่อต้านความแก่ชรา
และน้ำยังทำหน้าที่ลำเลียงของเสียออกจากร่างกายอีกด้วย โดยทั่วไปร่างกายขับถ่ายของเสียในรูปของปัสสาวะ
อุจจาระ การหายใจออก และเหงื่อ ซึ่งของเสียเหล่านี้หากไม่มีน้ำเป็นตัวลำเลียงก็จะเกิดการตกค้างสะสมในร่าง
กาย
2. น้ำช่วยควบคุมสมดุลของของเหลวและลดการสะสมของเสียในร่างกาย
เมื่อร่างกายขาดการพักผ่อนจะก่อให้เกิดความเหนื่อยล้าและสูญเสียน้ำ ซึ่งจะส่งผลให้เกิดความไม่สมดุลของของเหลวในร่างกาย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่มีความเครียดสูง รับประทานยามากเกินไป การรับประทานอาหารสำเร็จรูปที่มีการใช้วัตถุปรุงรสปรุงแต่งสงเคราะห์
และการรับประทานอาหารที่มากเกินไป ก็ยิ่งทำให้ร่างกายต้องการน้ำมากยิ่งขึ้น หากไม่มีการทดแทนน้ำที่สูญเสียไปอย่างเหมาะสม
ของเสียจะยิ่งตกค้างในร่างกายต่อเนื่อง เป็นการเร่งให้เกิดกระบวนการแก่ชราให้เกิดเร็วขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
3. น้ำมีผลต่อการต่อต้านอนุมูลอิสระ
เนื่องจากเลือดมีองค์ประกอบเป็นน้ำถึง 92% ดังนั้นเลือดก็คือ
น้ำ นั่นเอง ด้วยเหตุนี้ น้ำจึงช่วยนำพาภูมิต้านทาน (Antibodies) และสารต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidants) ไปยังอวัยวะต่างๆ
เพื่อทำลายสิ่งแปลกปลอมที่เข้าสู่ร่างกาย แต่ถ้าน้ำมีการปนเปื้อนหรือมีคุณสมบัติเป็นกรด
ภูมิต้านทานก็จะอ่อนแอ ไม่สามารถต่อสู้กับเชื้อโรคได้ ร่างกายต้องพ่ายแพ้ทำให้เกิดโรคเรื้อรัง
รวมทั้งความแก่ชราก็จะเริ่มปรากฏให้เห็นก่อนวัยอันควรได้
4. น้ำช่วยป้องกันไตวาย
ไตมีหน้าที่ขับถ่ายของเสีย เช่น กรดยูริค ยูเรีย และ กรดแลกติคซึ่งละลายได้ในน้ำ ดังนั้นถ้าน้ำผ่านไตไม่เพียงพอของเสียเหล่านี้จะไม่ถูกขับออกมาได้หมด
เป็นผลให้ไตทำงานหนักเกินไป จนกระทั่งพิการหรือไตวายได้ น้ำยังช่วยป้องกันการอักเสบของกระเพาะปัสสาวะ
5.
น้ำช่วยหล่อลื่นข้อต่างๆ ปลายกระดูกที่ต่อกันเกิดเป็นข้อต่อ เช่น
ข้อต่อกระดูกไขสันหลัง ถ้ามีน้ำหล่อลื่นไม่เพียงพอ ข้อต่อจะขยับได้ยาก ถ้าน้ำหล่อเลี้ยงข้อต่อพอเพียง
ข้อต่อก็จะเคลื่อนไหวได้อย่างสะดวกทำให้การเสียดสีกันมีน้อยมากและอันตราย จากการถลอกตรงกระดูกอ่อน
(Abrasive Damage) จะไม่เกิด ดังนั้นจึงลดความเสี่ยงของการปวดข้อ
6. น้ำเป็นส่วนประกอบของสมองในปริมาณมาก
รองจากเลือด เนื้อสมองมีน้ำมากถึง 85% การขาดน้ำจะทำให้ความสามารถทางสมองลดลง
ความคิดอ่อนล้าและเกิดอาการเครียดทางจิตตามมา
7. น้ำช่วยลดน้ำหนัก น้ำเป็นสารอาหารที่ไม่มีแคลอรี่
จึงมีบทบาทในการลดน้ำหนัก การดิ่มน้ำมากๆจะช่วยลดความอยากอาหาร เมื่อรับประทานอาหารลดลงทำให้ร่างกายต้องเผาผลาญไขมันที่เก็บไว้แทน
8.
น้ำช่วยในระบบย่อยอาหาร ถ้าขาดน้ำ
การย่อยในระบบทางเดินอาหารจะไม่สมบูรณ์ เพราะน้ำและเอ็นไซม์จะทำงานได้ไม่ดี ถ้ามีน้ำพอเพียงน้ำจะช่วยให้การแตกตัวทางอาหารดัขึ้นและสามารถซึมผ่านเข้า
สู่ร่างกายได้ง่ายอีกด้วย อาการท้องผูกส่วนมากเป็นเพราะคนขาดน้ำเรื้อรัง ถ้าเราดื่มน้ำเพิ่มขึ้นและรับประทานอาหารที่มีกากใย
อาการท้องผูกก็จะหายไป จากรายงานการวิจัยพบว่าอาการของกระเพาะอาหารอักเสบ
ลำไส้อักเสบ และอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ อาจทุเลาได้ถ้าดื่มน้ำมากขึ้น น้ำจะช่วยละลายสารพิษตกค้างในลำไส้ใหญ่ออกมาพร้อมกับอุจจาระ
มีผลทางอ้อมให้ริดสีดวงทวารทุเลาลงด้วย
9.
น้ำช่วยในการเผาผลาญอาหาร น้ำเป็นตัวกลางในทุกปฏิกิริยาเคมีในร่างกายและยังเป็นตัวทำละลายที่ดี
จึงสามารถพาสารอาหาร ฮอร์โมน ออกซิเจน ฯลฯ ไปยังเซลล์ต่างๆผ่านทางเลือดและน้ำเหลือง
ถ้าขาดน้ำการเผาผลาญอาหารเพื่อเกิดพลังงานย่อมทำไม่ได้
10. น้ำช่วยสร้างสุขภาพที่ดี
คงความชุ่มชื่นของผิวหนัง เพราะร่างกายประกอบด้วยน้ำถึง 70% ในเซลล์มีน้ำ
70% และดีเอ็นเอ (DNA) ซึ่งเป็นตัวกำหนดต้นแบบของเซลล์เกิดใหม่โดยมีรหัสจำเพาะก็มีน้ำเช่นกัน
ถ้าร่างกายขาดน้ำปฏิกิริยาเคมีในร่างกายจะเสียสมดุล หากขาดน้ำเรื้อรังจะทำให้ผิวหนังแห้ง
เหี่ยวย่น ความต้านทานโรคต่ำ
ที่มาของข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น