วันศุกร์ที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2556

สาหร่ายสแกนดิเนเวีย สาหร่ายเพื่ิอ สุขภาพดี และผิวสวย



สาหร่ายสแกนดิเนเวีย เป็นสาหร่ายเซลล์เดียวจากประเทศแถบสแกนดิเนเวีย ซึ่งเป็นสาหร่ายพันธุ์เฉพาะที่มีควาสามารถในการปรับตัว
และสามารถมีชีวิตอยู่รอดได้นานถึง 20 ปี แม้จะอยู่ในภาวะแวดล้อมที่ขาดสมดุลปราศจากน้ำและอาหาร
ทำให้สาหร่ายอุดมไปด้วย แอสตาแซนธิน
ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระสีแดงประสิทธภาพสูงสุดตามธรรมชาติ

แอสตาแซนธิน (Astaxanthin) เป็นสารในกลุ่มแซนโทรฟิลล์ 
ตระกูลแคโรทีนอยด์ ที่พบในธรรมชาติ  เป็นสารสีแดง ปกติพบในปลาแซลมอน  
ไข่ปลาคาเวียร์ เปลือกกุ้ง เปลือกปู และสาหร่าย Microalgae Haematococcus Pluvialis

ร่างกายไม่สามารถสังเคราะห์สารชนิดนี้ได้ เราจะได้รับสารชนิดนี้จากอาหารที่รับประทานเข้าไป ในปริมาณที่น้อยมาก เช่น ปลาแซลมอน 200 กรัม จะมีแอสตาแซนธิน เพียง 1 มิลลิกรัม

Astaxanthin นั้นมีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยยับยั้ง ป้องกัน ฟื้นฟูและชลอวัย พบได้ในขนนกบางชนิด สัตว์น้ำบางชนิด เช่น ปลาแซลมอน กุ้ง ปู รวมไปถึงปลาเทราท์ (ที่มา: Healthline.com) หากลองสังเกตดูจะพบว่าสัตว์น้ำเหล่านี้เมื่อถูกนำมาผ่านกระบวนการปรุงอาหาร แล้ว จะเปลี่ยนเป็นสีส้ม หรือแดง เพราะว่า Astaxanthin นั้นเป็น Carotenoid ที่เกิดขึ้นในธรรมชาติ และมีสีส้ม แดงถึงแดงเข้มซึ่งคล้ายกับสีแดงของทับทิม นอกจากนี้ยังมีมากในสาหร่ายขนาดเล็กที่ชื่อว่า Haematococcus Pluvialis อีกด้วย



Haematococcus Pluvialis เป็นสาหร่ายน้ำจืดสีเขียวที่มีขนาดเล็ก พบมากในกลุ่มประเทศสแกนดิเนเวีย  และถือเป็นพืชเซลเดี่ยวที่มีความสามารถในการปรับตัว และมีชีวิตรอดอยู่ได้ นานแม้จะอยู่ในสภาวะแวดล้อมที่ไม่เหมาะสมต่อการเติบโต เช่น ขาดน้ำ ขาดอาหาร ต้องเผชิญกับความร้อน แสงแดด โดยจะปรับตัวให้มีผนังเซลล์หนาขึ้น เพื่อสะสมสารต้านอนุมูลอิสระในกลุ่มแคโรทีนอยด์ซึ่งให้สีแดงเข้มที่เรียกว่า Astaxanthin เพิ่มขึ้น จึงทำให้สาหร่ายชนิดนี้สามารถเปลี่ยนสีกลายเป็นสีแดงได้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการปกป้องตัวเองให้อยู่รอดได้  ซึ่งสาหร่าย Haematococcus Pluvialis นี้มีสาร Astaxanthin อยู่มากที่สุด และนี่ก็เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดงานค้นคว้าวิจัยจำนวนมากเกี่ยวกับคุณ ประโยชน์ที่ได้จากการบริโภคสารสกัดจากสาหร่ายชนิดนี้
ในงานวิจัยของ Seki et. al (2001) ในกลุ่มผู้ทดลองทั้งชายและหญิง และใน 3 สภาพผิว คือ ผิวแห้ง ผิวธรรมดา และผิวมัน พบว่ากลุ่มผู้ทดลองใช้ครีมบำรุงที่มีส่วนผสมของ Astaxanthin ที่สกัดได้จากสาหร่าย Haematococcus Pluvialis อย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ผิวมีความชุ่มชื่นมากขึ้น ริ้วรอยต่างๆลดเลือนลง และผิวมีความยืดหยุ่นมากขึ้น
นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยอีกมากมายที่ชี้ให้ถึงประโยชน์อีกมากมายของ Astaxanthin เช่น
  • ลดอาการล้าของดวงตา (Yuan et al. 2011)
  • ช่วยลดเลือนริ้วรอย และความเหี่ยวย่นของผิว (Natural Standard 2012)
  • ช่วยให้ผิวมีความชุ่มชื่นมากขึ้น มีความยืดหยุ่นมากขึ้น และลดการเกิดสิวได้ (Yamashita 2006)
  • สามารถต้านรังสี UVA จากการทำลายผิว (Suganuma et al. 2010)
  • ช่วยลดปริมาณคลอเรสเตอรอลในร่างกาย รวมไปถึงการใช้เพื่อรักษาโรคต่างๆอีกมากมาย เช่น โรคปวดกล้ามเนื้อ หรือแม้แต่เป็นอาหารเสริมสำหรับผู้ป่วยโรคมะเร็ง (Healthline.com)
·         ความปลอดภัย
เราสามารถบริโภคแอสตาแซนธิน (Astaxanthin) ได้อย่างปลอดภัยเนื่องจากสารชนิดนี้เป็นส่วนหนึ่งในอาหารของมนุษย์มานานหลาย พันปีแล้ว ตัวอย่างเช่น ในปลาแซลมอนคุณภาพดีจะมีแอสตาแซนธิน (Astaxanthin) บริสุทธิ์ประมาณ 3 - 6 มิลลิกรัม
·         มีการทดลองทางคลินิก โดยรับประทานสารแอสตาแซนธิน จาก Microalgae Haematococcus Pluvialis มากถึง 40 มิลลิกรัมเป็นประจำทุกวัน เป็นเวลา 4 สัปดาห์ติดต่อกัน โดยไม่พบผลข้างเคียงใดๆและจากการทดสอบ Full Acute & Sub Chronic, Ames Test & Gene Toxicity และการค้นหาเอกสารทางวิชาการทั่วโลกนั้นไม่พบรายงานที่มีผลข้างเคียงในทางลบ
·         และจากข้อมูล มีการนำ Microalgae Haematococcus Pluvialis ซึ่งมีสารแอสตาแซนธิน (Astaxanthin) อยู่เป็นจำนวนมาก นำมาสกัดเป็นอาหารเสริมและได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในพื้นที่แถบสแกนดิเน เวีย ตั้งแต่ปี .. 1995 และสารแอสตาแซนธิน (Astaxanthin) มีการวางจำหน่ายอย่างแพร่หลายในตลาดตั้งแต่ปีค.. 1999 จนถึงปัจจุบัน
·         ปัจจุบันแอสตาแซนธิน (Astaxanthin) เป็นสารที่มีความสามารถในการต้านอนุมูลอิสระได้ดีที่สุด แอสตาแซนธิน (Astaxanthin) จึงเป็นสารต้านอนุมูลอิสระทางเลือกใหม่ ที่ให้ได้มากกว่าสารต้านอนุมูลอิสระชนิดอื่นๆ
·         แอสตาแซนธิน (Astaxanthin) มีความสามารถในการต้านอนุมูลอิสระได้มีประสิทธิภาพ ดีกว่า
·                วิตามิน ซี 6,000 เท่า,
·                CoQ10 800 เท่า,
·                วิตามิน อี 550 เท่า,
·                Green tea catechins 550 เท่า,
·                Alpha lipoic acid 75 เท่า,
·                เบต้า แคโรทีน 40 เท่า
·                และ สารสกัดจากเมล็ดองุ่น 17 เท่า

References
1. Nishida Y.et.al, Quenching Acitivities of Common Hydrophillic and Lipophillic Antioxidants against Singlet Oxygen Using Chemiluminescence Detection System. Carotenoid Science 11: 16-20 (2007)
2. Miki, W., Biological functions and activities of animal carotenoids. Pure and Appl.Chem 1991 ; 63:141-6
3. Shimizu, N., et al., Carotenoids as singlet oxygen quenchers in marine organisms. Fisheries Sci. 1996; 62: 134-7
4. Fuji Chemical Industry Co., Ltd., Outsourced test by Collaborative Labs, Setauket, NY 2001
5. Yamashita,(2006) The Effects of Dietary Supplement Containing Astaxanthin on Skin Condition. Carotenoid Science 10:91-95
6. Nagaki et al., (2006) .The supplementation effect of astaxanthin on accommodation and asthenopia.J.Clin. Therap.Med.,22(1):41-54.
7. Sawaki,K.et al.(2002) Sports performance benefits from taking natural astaxanthin characterized by visual activity and muscle fatigue improvements in humans.Journal of Clinical Therapeutics & Medicine 18(9):73-88.
8. Kupcinskas et al., Efficacy of the antioxidant astaxanthin in the treatment of functional dyspepsia in patients with or without Helicobacter pylori gastritis: a propective, randomized ,double blind, and placebo controlled study .Eur.J.Gastroent and Hepat.,(In Press).
9. Hiroshige Itakura, Astaxanthin Defends and Subdues Active Oxygen, Heart publishing co.,ltd, 21.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น