วันจันทร์ที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

กาพย์เห่เรือชมเครื่องคาวหวาน

File:Buddha Loetla Nabhalai portrait.jpg 
   กาพย์เห่เรือชมเครื่องคาวหวาน เป็นกาพย์เห่เรือที่พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย (รัชกาลที่ 2) ทรงพระราชนิพนธ์ไว้ ซึ่งพรรณนาเกี่ยวกับอาหารคาวหวานในวัง โดยใช้การบรรยายเนื้อหาเยี่ยงนิราศ คือการรำพึงรำพันถึงสมเด็จพระศรีสุริเยนทราบรมราชินี โดยนำเอาชื่ออาหาร ลักษณะ ส่วนประกอบ หรือความสัมพันธ์มาเชื่อมโยงเข้ากับการรำพึงรำพันนั้น นอกจากนี้ กาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวาน ยังเป็นวรรณคดีที่มุ่งเน้นความงดงามไพเราะของวรรณคดีเหนือสิ่งอื่นใด มีการใช้โวหารและภาษาที่สละสลวย ตลอดจนการอุปมาเพื่อสื่อถึงรสชาติและฝีมือในการปรุงอาหารของนางอันเป็นที่ รัก และการนำชื่ออาหารซึ่งสื่อถึงความในพระราชหฤทัยของพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศ หล้านภาลัยในความสุขจากการใกล้ชิดหรือโศกเศร้าจากการพรากจากนางอันเป็นที่ รักได้อย่างกลมกลืน ชื่ออาหารหลายชนิดในกาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวาน เป็นอาหารโบราณที่หารับประทานได้ยาก เนื่องจากมีวิธีการปรุงที่ยาก และต้องใช้ความประณีตในการทำเป็นอย่างมาก เช่นหรุ่ม ล่าเตียง เป็นต้น ซึ่งจากวรรณคดีเรื่องนี้ก็ทำให้มีผู้นำอาหารโบราณหลายชนิดมารื้อฟื้นฝึกปรุง ใหม่กันอีกด้วย
 
 
• เห่ชมเครื่องคาว

๏ แกงไก่มัสมั่นเนื้อ                 นพคุณ พี่เอย
หอมยี่หร่ารสฉุน                      เฉียบร้อน
ชายใดบริโภคภุญช์                 พิศวาส หวังนา
แรงอยากยอหัตถ์ข้อน             อกให้หวนแสวง ๚ 

๏ มัสมั่นแกงแก้วตา              หอมยี่หร่ารสร้อนแรง
ชายใดได้กลืนแกง                แรงอยากให้ใฝ่ฝันหา
๏ ยำใหญ่ใส่สารพัด               วางจานจัดหลายเหลือตรา
รสดีด้วยน้ำปลา                     ญี่ปุ่นล้ำย้ำยวนใจ
๏ ตับเหล็กลวกหล่อนต้ม        เจือน้ำส้มโรยพริกไทย
โอชาจะหาไหน                     ไม่มีเทียบเปรียบมือนาง
๏ หมูแนมแหลมเลิศรส         พร้อมพริกสดใบทองหลาง
พิศห่อเห็นรางชาง                ห่างห่อหวนป่วนใจโหย
๏ ก้อยกุ้งปรุงประทิ่น             วางถึงลิ้นดิ้นแดโดย
รสทิพย์หยิบมาโปรย             ฤๅจะเปรียบเทียบทันขวัญ
๏ เทโพพื้นเนื้อท้อง              เป็นมันย่องล่องลอยมัน
น่าซดรสครามครัน               ของสวรรค์เสวยรมย์
๏ ความรักยักเปลี่ยนท่า        ทำน้ำยาอย่างแกงขม
กลอ่อมกล่อมเกลี้ยงกลม      ชมไม่วายคล้ายคล้ายเห็น
๏ ข้าวหุงปรุงอย่างเทศ         รสพิเศษใส่ลูกเอ็น
ใครหุงปรุงไม่เป็น                เช่นเชิงมิตรประดิษฐ์ทำ
๏ เหลือรู้หมูป่าต้ม               แกงคั่วส้มใส่ระกำ
รอยแจ้งแห่งความขำ           ช้ำทรวงเศร้าเจ้าตรากตรอม
๏ ช้าช้าพล่าเนื้อสด              ฟุ้งปรากฏรสหื่นหอม
คิดความยามถนอม              สนิทเนื้อเจือเสาวคนธ์
๏ ล่าเตียงคิดเตียงน้อง         นอนเตียงทองทำเมืองบน
ลดหลั่นชั้นชอบกล                ยลอยากนิทรคิดแนบนอน
๏ เห็นหรุ่มรุมทรวงเศร้า       รุ่มรุ่มเร้าคือไฟฟอน
เจ็บไกลในอาวรณ์                ร้อนรุมรุ่มกลุ้มกลางทรวง
๏ รังนกนึ่งน่าซด                  โอชารสกว่าทั้งปวง
นกพรากจากรังรวง               เหมือนเรียมร้างห่างห้องหวน
๏ ไตปลาเสแสร้งว่า              ดุจวาจากระบิดกระบวน
ใบโศกบอกโศกครวญ           ให้พี่เคร่าเจ้าดวงใจ
๏ ผักโฉมชื่อเพราะพร้อง       เป็นโฉมน้องฤๅโฉมไหน
ผักหวานซ่านทรวงใน             ใคร่ครวญรักผักหวานนาง ๚

• เห่ชมผลไม้

๏ ผลชิดแช่อิ่มโอ้                    เอมใจ
หอมชื่นกลืนหวานใน               อกชู้
รื่นรื่นรสรมย์ใด                       ฤๅดุจ นี้แม
หวานเลิศเหลือรู้รู้                    แต่เนื้อนงพาล ๚

๏ ผลชิดแช่อิ่มอบ                   หอมตรลบล้ำเหลือหวาน
รสไหนไม่เปรียบปาน              หวานเหลือแล้วแก้วกลอยใจ
๏ ตาลเฉาะเหมาะใจจริง         รสเย็นยิ่งยิ่งเย็นใจ
คิดความยามพิสมัย                หมายเหมือนจริงยิ่งอยากเห็น
๏ ผลจากเจ้าลอยแก้ว             บอกความแล้วจากจำเป็น
จากช้ำน้ำตากระเด็น              เป็นทุกข์ท่าหน้านวลแตง
๏ หมากปรางนางปอกแล้ว      ใส่โถแก้วแพร้วพรายแสง
ยามชื่นรื่นโรยแรง                  ปรางอิ่มอาบซาบนาสา
๏ หวนห่วงม่วงหมอนทอง        อีกอกร่องรสโอชา
คิดความยามนิทรา                 อุราแนบแอบอกอร
๏ ลิ้นจี่มีครุ่นครุ่น                    เรียกส้มฉุนใช้นามกร
หวนถวิลลิ้นลมงอน                 ชะอ้อนถ้อยร้อยกระบวน
๏ พลับจีนจักด้วยมีด               ทำประณีตน้ำตาลกวน
คิดโอษฐ์อ่อนยิ้มยวน               ยลยิ่งพลับยับยับพรรณ
๏ น้อยหน่านำเมล็ดออก          ปล้อนเปลือกปอกเป็นอัศจรรย
มือใครไหนจักทัน                   เทียบเทียมที่ฝีมือนาง
๏ ผลเกดพิเศษสด                  โอชารสล้ำเลิศปาง
คำนึงถึงเอวบาง                      สางเกศเส้นขนเม่นสอย
๏ ทับทิมพริ้มตาตรู                 ใส่จานดูดุจเม็ดพลอย
สุกแสงแดงจักย้อย                   อย่างแหวนก้อยแก้วตาชาย
๏ ทุเรียนเจียนตองปู                เนื้อดีดูเหลือเรืองพราย
เหมือนศรีฉวีกาย                    สายสวาทพี่ที่คู่คิด
๏ ลางสาดแสวงเนื้อหอม          ผลงอมงอมรสหวานสนิท
กลืนพลางทางเพ่งพิศ              คิดยามสารทยาตรามา
๏ ผลเงาะไม่งามแงะ               มล่อนเมล็ดและเหลือปัญญา
หวนเห็นเช่นรจนา                   จ๋าเจ้าเงาะเพราะเห็นงาม
๏ สละสำแลงผล                      คิดลำต้นแน่นหนาหนาม
ท่าทิ่มปิ้มปืนกาม                   นามสละมละเมตตา ๚

• เห่ชมเครื่องหวาน

๏ สังขยาหน้าไข่คุ้น                 เคยมี
แกมกับข้าวเหนียวสี                โศกย้อม
เป็นนัยนำวาที                         สมรแม่ มาแม
แถลงว่าโศกเสมอพ้อม            เพียบแอ้อกอร ๚

๏ สังขยาหน้าตั้งไข่                  ข้าวเหนียวใส่สีโศกแสดง
เป็นนัยไม่เคลือบแคลง             แจ้งว่าเจ้าเศร้าโศกเหลือ
๏ ซ่าหริ่มลิ้มหวานล้ำ                แทรกใส่น้ำกะทิเจือ
วิตกอกแห้งเครือ                      ได้เสพหริ่มพิมเสนโรย
๏ ลำเจียกชื่อขนม                    นึกโฉมฉมหอมชวยโชย
ไกลกลิ่นดิ้นแดโดย                   โหยไห้หาบุหงางาม
๏ มัศกอดกอดอย่างไร               น่าสงสัยใคร่ขอถาม
กอดเคล้นจะเห็นความ               ขนมนามนี้ยังแคลง
๏ ลุดตี่นี้น่าชม                          แผ่แผ่นกลมเพียงแผ่นแผง
โอชาหน้าไก่แกง                       แคลงของแขกแปลกกลิ่นอาย
๏ ขนมจีบเจ้าจีบห่อ                   งามสมส่อประพิมพ์ประพาย
นึกน้องนุ่งจีบกราย                     ชายพกจีบกลีบแนบเนียน
๏ รสรักยักลำนำ                         ประดิษฐ์ทำขนมเทียน
คำนึงนิ้วนางเจียน                      เทียนหล่อเหลาเกลากลึงกลม
๏ ทองหยิบทิพย์เทียมทัด           สามหยิบชัดน่าเชยชม
หลงหยิบว่ายาดม                       ก้มหน้าเมินเขินขวยใจ
๏ ขนมผิงผิงผ่าวร้อน                  เพียงไฟฟอนฟอกทรวงใน
ร้อนนักรักแรมไกล                     เมื่อไรเห็นจะเย็นทรวง
๏ รังไรโรงด้วยแป้ง                    เหมือนนกแกล้วทำรังรวง
โอ้อกนกทั้งปวง                         ยังยินดีด้วยมีรัง
๏ ทองหยอดทอดสนิท                ทองม้วนมิดคิดความหลัง
สองปีสองปิดบัง                         แต่ลำพังสองต่อสอง
๏ งามจริงจ่ามงกุฏ                    ใส่ชื่อดุจมงกุฏทอง
เรียมร่ำคำนึงปอง                       สะอิ้งน้องนั้นเคยยล
๏ บัวลอยเล่ห์บัวงาม                  คิดบัวกามแก้วกับตน
ปลั่งเปล่งเคร่งยุคล                    สถนนุชดุจประทุม
๏ ช่อม่วงเหมาะมีรส                  หอมปรากฏกลโกสุม
คิดสีสไลคลุม                            หุ้มห่อม่วงดวงพุดตาน
๏ ฝอยทองเป็นยองใย                เหมือนเส้นไหมไข่ของหวาน
คิดความยามเยาวมาลย์             เย็บชุนใช้ไหมทองจีน ๚


 http://0thaidessert444444.files.wordpress.com/2012/09/khanomthai021.jpg

ขอขอบคุณ
ช้อมูลจากหนังสือ : ประชุมกาพย์เห่เรือ กองวรรณคดีและประวัติศาสตร์ กรมศิลปากร
วิกิพีเดีย กาพย์เห่เรือชมเครื่องคาวหวานและงานนักขัตฤกษ์

  

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น