วันจันทร์ที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

มะพร้าว ตอน นํ้ามันมะพร้าวป้องกันโรคมะเร็งได้อย่างไร

นํ้ามันมะพร้าวป้องกันโรคมะเร็งได้อย่างไร 

 http://www.feidathai.com/UserFiles/Image/health%20care-2(2).jpg

 

ในบรรดาโรคที่คร่าชีวิตมนุษย์ โรคมะเร็งเป็นลำดับที่สองรองจากโรคหัวใจ  โรคมะเร็งที่พบบ่อย 6 อันดับแรกของโลก คือ โรคมะเร็งปอด มะเร็งกระเพาะอาหาร มะเร็งเต้านม มะเร็งลำไส้ใหญ่ มะเร็งตับ และมะเร็งปากมดลูก หลายคนคิดว่า หากเป็นมะเร็งแล้วก็ต้องเสียชีวิต แต่ในความเป็นจริงแล้ว โรคมะเร็งเป็นโรคที่มีโอกาสรักษาให้หายได้ ถ้าตรวจพบในระยะแรกเริ่มและได้รับการดูแลรักษาอย่างถูกวิธี และต่อเนื่อง แต่วิธีที่ดีที่สุด คือการป้องกัน


                    สาเหตุของโรคมะเร็งเกิด จากการเจริญเติบโตที่ผิดปกติของเซลล์ในบางเนื้อเยื่อ โดยทั่วไปแล้ว เซลล์มีชีพจักรของการเจริญเติบโตตามปกติ รวมทั้งการแบ่งเซลล์ และการตายตามอายุขัย ในระยะเริ่มแรกของชีวิต เซลล์มีกิจกรรมที่รวดเร็ว แต่ในผู้ใหญ่เซลล์จะแบ่งตัวเพียงเพื่อทดแทนเซลล์ที่ตายไป  และเพื่อรักษาบาดแผลที่เกิดขึ้นเมื่อถูกทำร้ายแต่เซลล์มะเร็ง สามารถเจริญเติบโตและแบ่งเซลล์ตลอดเวลา และกระจายไปยังส่วนอื่น ๆ  ของร่างกาย แล้วไปสร้างปัญหาให้แก่ส่วนต่างๆของร่างกาย 
                    สาเหตุใหญ่ของการเจริญที่ผิดปกติของเซลล์  อยู่ที่การเปลี่ยนแปลงของสารพันธุกรรม หรือ DNA เซลล์มะเร็งไม่ สามารถรักษา DNA ที่เปลี่ยนไปได้กลับคืนสู่สภาพปกติได้ DNA ที่เปลี่ยนแปลงไปนี้ เป็นผลจากพันธุกรรมที่ถูกถ่ายทอดจากบรรพบุรุษ  หรือถูกกับสิ่งแวดล้อม เช่น สารพิษ เชื้อโรค และที่สำคัญ จากการถูกกับอนุมูลอิสระ ทำให้เกิดการกลายพันธุ์ของ DNA มะเร็งส่วนใหญ่ แต่ไม่ใช่ทั้งหมด แสดงออกได้โดยการเกิดเนื้องอก อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่เนื้องอกทุกชนิดจะเป็นเซลล์มะเร็ง
   
                    มีสมมุติฐานที่ว่า คนเราทุกคนมีเซลล์มะเร็งอยู่ในร่างกาย แต่ที่เราไม่มีเป็นโรคมะเร็ง ก็เพราะเรามีระบบภูมิคุ้มกัน และเราจะเป็นโรคมะเร็งก็ต่อเมื่อระบบภูมิคุ้มกันถูกทำลายจนไม่สามารถต่อสู้กับเซลล์มะเร็งได้ แม้ว่าเรามีสารก่อมะเร็งอยู่ในร่างกาย แต่ถ้าภูมิคุ้มกันของเรายังทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ เราก็จะไม่เป็นโรคมะเร็ง มีปัจจัยหลายอย่างที่เราจะเพิ่มภูมิคุ้มกันเพื่อป้องกันโรคมะเร็ง เช่น การรับประทานอาหารอย่างถูกสุขลักษณะ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ อย่าให้เกิดความเครียด พักผ่อนให้เพียงพอ ที่สำคัญก็คือ หลีกเลี่ยงการกระทำที่ส่งเสริมให้เกิดโรคมะเร็ง เช่น การสูบบุหรี่ และการบริโภคน้ำมันไม่อิ่มตัว ประการสุดท้ายคือการเพิ่มภูมิคุ้มกัน โดยการบริโภคน้ำมันมะพร้าวเป็นประจำ เพราะสามารถใช้เป็นอาวุธต่อสู้กับโรคมะเร็งได้ ข้อความนี้ไม่ได้เกิดจากการเล่าประสบการณ์ของผู้ป่วยเป็นโรคมะเร็งแต่เพียงอย่างเดียว แต่จากผลการวิจัย และการศึกษาทางการแพทย์ด้วย มีประจักษ์พยานมากมายที่ระบุว่า น้ำมันมะพร้าว สามารถป้องกันโรคมะเร็งได้ หรืออย่างน้อยก็โรคมะเร็งบางชนิด จากการวิจัยทางการแพทย์พบว่า น้ำมันมะพร้าวมีประสิทธิภาพในการต่อต้านโรคมะเร็ง เช่น ใช้รักษาโรคมะเร็งผิวหนังของหนูทดลอง ที่กระตุ้นให้เกิดโรคมะเร็งผิวหนังโดยสารก่อมะเร็ง ผลก็คือ น้ำมันมะพร้าวไปหยุดยั้งการพัฒนาของเซลล์มะเร็ง

                    บทบาทของน้ำมันมะพร้าวในการป้องกันโรคมะเร็ง
                    1.  ปลอดภัยจากการทำลายของอนุมูลอิสระ ซึ่งเป็นตัวการสำคัญของการเกิดโรคมะเร็ง คุณสมบัติที่เด่น ได้แก่
                         1.1  ปราศจากอนุมูลอิสระ เนื่องจากน้ำมันมะพร้าวมี ไขมันอิ่มตัวสูง 92%  จึงมีความอยู่ตัวทางเคมีสูง แม้จะถูกกับอุณภูมิสูง ก็ไม่เกิดการเติมออกซิเจน จึงไม่เกิดเป็นอนุมูลอิสระ ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของโรคมะเร็ง
                         1.2  ช่วยเติมแอนตีออกซิแดนต์ที่ถูกทำลายในร่างกาย โดยปกติร่างของเรามีแอนตีออกซิแดนต์ที่ได้จากอาหารต่าง ๆ  ที่ช่วยทำลายอนุมูลอิสระ ซึ่งเกิดจากมลพิษในสิ่งแวดล้อม อาหารและเครื่องดื่ม การสูบบุหรี่ รังสี ความเครียด  ฯลฯ  แต่เมื่อบริโภคน้ำมันไม่อิ่มตัวซึ่งถูกเติมออกซิเจนได้ง่าย ๆ  ตั้งแต่เริ่มสกัด ตลอดจนระหว่างการขนส่ง การวางจำหน่ายและเก็บรักษาก่อนบริโภค จึงเกิดเป็นอนุมูลอิสระขึ้น และไปลบล้างประสิทธิภาพของแอนตีออกซิแดนต์ที่มีอยู่ในร่างกาย เนื่องจากน้ำมันมะพร้าวมีแอนตีออกซิแดนต์ที่มีประสิทธิภาพสูง ซึ่งช่วยเติมส่วนที่ถูกทำลายไปในร่างกาย จึงไปช่วยทำลายอนุมูลอิสระที่เกิดขึ้น
                         น้ำมันมะพร้าวยัง มีวิตามินอี ในรูป tocotrienol ซึ่งมีประสิทธภาพสูงกว่า tocopherol ที่มีอยู่ในวิตามินอีทั่วไป 40 - 60 เท่า วิตามินอี ทำหน้าที่ป้องกันการเติมออกซิเจน จึงป้องกันการเกิดอนุมูลอิสระ
                     2.  ปลอดภัยจากการทำลายไขมันทรานส์ จากการวิจัยพบว่า การเติมไฮโดรเจน เป็นสาเหตุที่ทำให้น้ำมันไม่อิ่มตัวเปลี่ยนไปเป็นไขมันทรานส์ ทั้งนี้ ก็เพราะน้ำมันไม่อิ่มตัว เช่นน้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันทานตะวัน น้ำมันดอกคำฝอย น้ำมันข้าวโพด น้ำมันคาโนลา แม้กระทั่งน้ำมันมะกอก มีโมเลกุลที่ประกอบไปด้วยแขนคู่ ที่เป็นจุดอ่อนของโมเลกุล ทำให้ไม่อยู่ตัว และถูกเปลี่ยนไปเป็นไขมันทรานส์ได้โดยง่าย ๆ  โดยกระบวนการเติมไอโดรเจน มีผลงานวิจัยมากมายที่สรุปว่า ไขมันทรานส์เป็นอันตรายต่อสุขภาพ โดยเฉพาะก่อให้เกิดโรคมะเร็ง แต่น้ำมันมะพร้าวเป็นน้ำมันที่ ปราศจากไขมันทรานส์ เพราะเป็นไขมันอิ่มตัว ที่โมเลกุลมีแขนเดี่ยวที่มีความอยู่ตัวสูง จึงไม่เกิดการเติมไฮโดรเจน ซึ่งเป็นตัวการทำให้เกิดไขมันทรานส์ ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดเซลล์มะเร็ง
               ไขมันทรานส์เกิดได้ในอาหาร 2 ประเภท คือ
               2.1.  อาหารที่ผลิตในระดับอุตสาหกรรม การเติมไฮโดรเจน เกิดในกระบวนการผลิตอาหารในระดับอุตสาหกรรม น้ำมันไม่อิ่มตัวที่นำไปใช้ในอุตสาหกรรมอาหาร เช่น ขนมปังกรอบ อาหารทอด  โดนัท คุกกี้ บิสกิต ขนมกรุบกรอบ แครกเกอร์ ฯลฯ  จำเป็นต้องนำไปผ่านกระบวนการเติมไฮโดรเจนเสียก่อน เพื่อให้น้ำมันไม่หืน แต่ให้แข็งตัวเพื่อสะดวกต่อการจับต้องผลิตภัณฑ์นั้น ๆ  เพราะน้ำมันที่แข็งตัวที่ติดอยู่กับอาหาร จะไม่ก่อให้เกิดปัญหาที่เกิดจากการเหนียวเหนอะหนะของอาหาร
               2.2.  อาหารที่หุงต้มโดยใช้อุณหภูมิสูง น้ำมันไม่อิ่มตัวที่ใช้ในการหุงต้ม หากผ่านอุณหภูมิสูง เช่น ในการทอดอาหารแบบน้ำมันท่วม จะเกิดกระบวนการการเติมไฮโดรเจนเช่นกัน Bakker และคณะ ได้ศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างอุบัติการณ์ของมะเร็งเต้านมกับกรดไลโนเลอิก ในประชากรในทวีปยุโรป ทั้งนี้เพราะมีการศึกษาในสัตว์ทดลอง และทางนิเวศวิทยา ที่ได้ชี้ถึงความสัมพันธ์ดังกล่าว กรดไลโนเลอิก เป็นกรดไขมันไม่อิ่มตัว มีมากในน้ำมันถัวเหลือง ผู้วิจัยได้พบว่า องค์ประกอบของกรดไขมันเฉลี่ยของชั้นไขมัน ไม่ได้แสดงความ สัมพันธ์ระหว่างกรดไลโนเลอิก ซึ่งมีโอเมกา-6 กับมะเร็งเต้านม มะเร็งลำไส้ และมะเร็งต่อมลูกหมาก อย่างไรก็ตามมะเร็งเต้านม และมะเร็งลำไส้ มีความสัมพันธ์กับไขมันทรานส์ Kohlmeier และคณะ ได้รายงานถึงข้อมูลที่แสดงว่า มีความสัมพันธ์ในทางบวกระหว่างองค์ประกอบของไขมันทรานส์ในชั้นไขมัน กับการเกิดมะเร็งเต้านม และมะเร็งลำไส้
                    3.  ปลอดภัยจากอันตรายของเชื้อโรคที่ก่อให้เกิดโรคมะเร็ง
                         3.1.  ส่งเสริมระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย เนื่องจากน้ำมันมะพร้าวมีฤทธิ์ต่อต้านโรคมะเร็ง นักวิจัยบางคนจึงเชื่อว่า เป็นเพราะกรดไขมันขนาดกลางของน้ำมันมะพร้าว ไปส่งเสริมระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ซึ่งเกิดขึ้นได้ 2 วิธี คือ
               3.1.1.  การกระตุ้นการผลิตเม็ดเลือดขาว พบว่า     โมโนลอรินซึ่งเป็นโมโนกลีเซอไรด์ของ กรดลอริก ไปกระตุ้นการผลิตเซลล์เม็ดเลือดขาว   น้ำมันมะพร้าวมีกรดลอริกอยู่ใน ปริมาณที่สูงมาก(ประมาณ 48% - 53%) และเมื่อบริโภคเข้าไปในร่างกาย กรดลอริกก็จะเปลี่ยนเป็นโมโนลอริน ซึ่งช่วยสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกาย
               นอกจากนั้นน้ำมันมะพร้าวยัง มีกรดคาโปรอิก กรดคาปริลิก และกรดคาปริกอยู่ด้วย และเมื่อเข้าไปในร่างกายจะเปลี่ยนเป็นโมโนกลีเซอไร ชนิดโมโนคาโปรอิน โมโนคาปริน โมโนคาปริลิน ตามลำดับ และต่างก็ช่วยสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกาย
               3.1.2  การแบ่งเบาภาระของเม็ดเลือดขาว หน้าที่อันหนึ่งของเม็ดเลือดขาวคือ การต่อสู้กับเชื้อโรค เมื่อมีเชื้อโรคเข้าไปมาก ๆ เม็ดเลือดขาวก็จะเข้าไปโจมตีเชื้อโรค และตายไป จึงเหลือเม็ดเลือดขาวที่มีประสิทธิภาพน้อย หรือร่างกายผลิตทดแทนได้ไม่เพียงพอ เป็นเหตุให้ไม่สามารถทำลายเซลล์มะเร็งได้อย่างมีประสิทธิภาพ เซลล์มะเร็งจึงเจริญเติบโตและขยายพันธุ์ได้เพิ่มมากขึ้น แต่น้ำมันมะพร้าวมีฤทธิ์ในการฆ่าเชื้อโรคเหล่านี้ จึงช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายกลับคืนสู่สภาพปกติ
                         3.2  ฆ่าเชื้อโรคที่ก่อให้เกิดโรคมะเร็งโดยตรง
               3.2.1  เชื้อไวรัสที่เป็นสาเหตุของโรคมะเร็ง เช่น มะเร็งปากมดลูก มะเร็งโพรงหลังจมูก มะร็งต่อมน้ำเหลืองเบอรกิต มะเร็งเม็ดเลือดขาวบางชนิด และมะเร็งเต้านม
               3.2.2  เชื้อแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของโรคมะเร็ง เช่น โรคมะเร็งกระเพาะอาหาร  
                         3.3  ฆ่าเชื้อโรคที่สร้างสารก่อมะเร็ง เชื้อจุลินทรีย์หลายประเภทบางครั้งก็สร้างสารพิษที่เป็นสารก่อมะเร็ง เช่น สารแอฟลาทอกซิน ซึ่งสร้างโดยเชื้อรา ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของมะเร็งตับ
                    4.  ชะงักการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง 
                         4.1  เปลี่ยนแปลงการทำงานของโปรตีนเซลล์มะเร็ง
                         4.2  กระตุ้นการทำงานของต่อมธัยรอยด์ ทำให้มีการเผาผลาญให้อาหารเปลี่ยนไปเป็นพลังงาน หรือ metabolism ในอัตราที่เร็วขึ้น 

                     จากเรื่องราวดังกล่าวข้างต้น ก็ได้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า น้ำมันมะพร้าวไม่ได้เลวร้าย แต่กลับเป็นน้ำมันบริโภคที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพมากที่สุดในบรรดาน้ำมันบริโภคทั้งหลาย แถมยังสามารถป้องกันและรักษาโรคมะเร็งและโรคอื่น ๆ อีกมากมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ขอบคุณ

ดร.ณรงค์ โฉมเฉลา

ประธานชมรมอนุรักษ์และพัฒนาน้ำมันมะพร้าวแห่งประเทศไทย

 

 

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น