
การชะลอความชราด้วยน้ำมันมะพร้าว
ความชรา เป็นกฏเกณฑ์ของ ธรรมชาติที่มนุษย์ทุกคนจะต้องประสบ มนุษย์ทุกคนต่างก็ต้องมีการรักษาความเยาว์วัย ซึ่งเป็นวัยที่มีความสวยงาม กระชุ่มกระชวยและแข็งแรงมากที่สุด ให้อยู่กับตัวให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ ปัญหาก็คือ จะทำอย่างไรจึงจะเป็นหนุ่มสาวได้นานที่สุด นอกจากความงาม ความหล่อที่ลดลงแล้ว เมื่อถึงวัยชรา สุขภาพก็ จะเสื่อมโทรมลงไปตามอายุที่มากขึ้น การที่จะเข้าสู่วัยชราอย่างสง่างาม จำเป็นที่จะต้องปรับเปลี่ยนการดำรงชีวิตเสียใหม่ตั้งแต่บัดนี้ น้ำมันมะพร้าวเป็นสิ่งหนึ่งจะช่วยให้ท่านชะลอความชราได้อย่างง่ายดาย ไม่ยุ่งยาก ประหยัด ไม่เป็นพิษเป็นภัย แต่ได้ผลดีที่สุด
มีหลายทฤษฎีที่พยายามอธิบายว่าทำไมคนเราถึงแก่ เช่น
1. ความสึกหรอของร่างกาย(Wear and Tear Theory)
ความชรา คือ การเปลี่ยนแปลงที่กำหนดไว้แล้วล่วงหน้าในสิ่งมีชีวิต ว่าจะมีอายุขัยสูงสุดเท่่าใรและการเสื่อมถอยการทำงานของแต่ละอวัยวะ จะเริ่มเมื่อไหร่
2. ภูมิคุ้มกันทำลายตัวเอง(Autoimmune Theory)
ความชรา เป็นผลจากระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายที่ผิดปกติ จำเซลล์ของตัวเองไม่ได้ จึงไปสร้างแอนตีบอดีทำลายเซลล์ของตัวเอง ส่งผลให้ร่างกายเกิดความชรา
3. การเกิดการยึดโยง(Cross-linkage Theory)
ในภาวะปกติ การสร้างคอลลาเจนในเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน จะมีการยึดโยงของคอลลาเจน โดยมีวิตามินซี เป็นตัวช่วยให้เกิดการประสานให้แน่นหนาขึ้น แต่เมื่ออายุมากขึ้น การยึดโยงกันของคอลลาเจนจะลดลง ทำให้ผิวที่เคยแต่งตึง เริ่มมีรอยเหี่ยวย่น
4. การถึงอายุขัยของเซลล์(Cellular Aging Theory)
เนื่องจากเซลล์แบ่งตัวช้าลง แต่ละเซลล์มีระดับดีเอ็นเอลดลง เป็นผลให้การสร้างอาร์เอ็นเอลดลง ทำให้การสร้างเอนไซม์ที่ช่วยในการทำงานของร่างกายลดลง จนเซลล์ตายไปในที่สุด หรือเมื่อเซลล์แบ่งตัวไปหลาย ๆ รอบ โดยในแต่ละรอบ จะทำให้ปลายโครโมโซมสั้นลง จนในที่สุดเซลล์ไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ เนื่องจากโครโมโซม ซึ่งเป็นที่เก็บสารพันธุกรรมอยู่ในสภาพไม่สมบูรณ์ เซลล์จึงแสดงความเสื่อม และตายในที่สุด
5. การเกิดอนุมูลอิสระ(Free Radical Theory)
ความชรา เกิดจากอนุมูลอิสระ เพราะเมื่อเซลล์ได้รับอนุมูลอิสระ ทำให้เกิดการเสียสภาพของสารประกอบต่าง ๆ ภายในเซลล์ รวมถึงการกลายพันธุ์ของดีเอ็นเอ และยังทำให้การยึดโยงของเนื้อเยื่อเกี่ยวพันเสียไป ตลอดจนเกิดการสร้างโปรตีนที่ผิดปกติ จนทำให้เซลล์เสื่อมสภาพไป
การเกิดอนุมูลอิสระ นับเป็นทฤษฎีที่ได้รับการอ้างถึงมากที่สุด เพราะมีหลักฐานสนับสนุนมากมาย
วิธีที่จะทำให้เรามีอายุยืนยาว คือ
1. การทำจิตใจให้เบิกบาน หรือไม่ให้เกิดความเครียด การมองโลกในแง่ดี มีอารมณ์แจ่มใส จิตใจเบิกบาน หัวเราะอย่างมีความสุขได้ทุกครั้ง และพักผ่อนอย่างเพียงพอ เป็นอาวุธสำคัญที่จะทำให้ชะลอความชราได้เป็นอย่างดี
2. รับประทานอาหารที่เป็นประโยชน์ การรับประทานอาหารจะเป็นตัวสะท้อนถึงการมีสุขภาพดีในภายภาคหน้า เช่น การรับประทานน้ำมันพืชที่ไม่อิ่มตัว จะเป็นอันตรายต่อสุขภาพ เพราะเกิดการเติมออกซิเจนตลอดเวลา เมื่อยังอยู่ในขวด เมื่อนำมาใช้ประกอบอาหาร และเมื่อเข้าร่างกาย เพราะมีอุณหภูมิที่เหมาะสม และมีออกซิเจนสมบูรณ์ จึงเกิดเป็นอนุมูลอิสระ ที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ นอกจากนั้น เมื่อใช้ทอดอาหารซ้ำแล้วซ้ำอีก ผลที่เกิดขึ้นก็คือ น้ำมันเหล่านี้เต็มไปด้วยทรานส์แฟต และสารอาหารหลายอย่างที่เปลี่ยนสภาพโดยความร้อนแล้ว ที่สามารถเร่งให้เซลล์และอวัยวะต่าง ๆ ของร่างกายเสื่อมโทรมเร็วกว่าปกติ นอกจากนี้ ก็จะมีตัวเร่งความชราที่อาจมาจากพฤติกรรมการสูบบุหรี่จัด และดื่มสุราเป็นประจำ หรือการรับประทานของหมักดอง หรืออาหารที่มีการปนเปื้อนสารพิษ เป็นต้น
3. อยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ปราศจากมลภาวะ มลภาวะทั้งในน้ำ ในอากาศ และในดิน เป็นพิษต่อมนุษย์ ทำให้สุขภาพเสื่อมโทรม ร่างกายอ่อนแอ ปราศจากภูมิคุ้มกัน จึงเกิดโรคภัยไข้เจ็บได้ง่าย และแก่เร็วขึ้น จนถึงเสียชีวิตก่อนภัยอันควร
4. กินยาอายุวัฒนะ ในปัจจุบัน มีนักวิจัยจำนวนมากกำลังข่งขันกันที่พยายามผลิตยาอายุวัฒนะที่จะยืดอายุของ มนุษย์ให้เกิน 100 ปี ดังในกรณีดังต่อไปนี้
- การค้นพบสารพันธุกรรมของชนชาติที่มีอายุยืน จากการศึกษาดีเอ็นเอของชาวยิวเยอรมัน และลูกหลานชาวยิวในยุโรปตะวันออก พบยีน 3 ตัวซึ่งมีส่วนในการยืดอายุออกไป และช่วยป้องกันโรคสมองเสื่อม ในจำนวนยีนนี้ มียีน 2 ตัวที่ทำหน้าที่ช่วยผลิต "ไขมันดี" ซึ่งป้องกันโรคหัวใจ และอัมฤกษ์ - อัมพาต ส่วนตัวที่ 3 ช่วยป้องกันโรคเบาหวาน
- บริโภคน้ำมันมะพร้าวเป็นประจำ นอกจากจะช่วยป้องกันโรคหัวใจ อัมพฤกษ์ - อัมพาต และโรคเบาหวานแล้ว น้ำมันมะพร้าวยังป้องกันโรคมะเร็ง โรคไขข้อ และโรคที่ไม่ติดเชื้ออื่น ๆ อีกมาก อีกทั้งยังป้องกันโรคติดเชื้อต่าง ๆ ทั้งที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา เชื้อไวรัส และโปรโตซัวอีกด้วย นอกจากการบริโภคเข้าไปในร่างกายแล้ว เรายังใช้น้ำมันมะพร้าวชะโลมตัว ตั้งแต่ใบหน้า แขน ขา ลำตัว ตลดจนศีรษะ โดยการนวดเส้นผมและหนังศีรษะ หรืออีกนัยหนึ่ง ตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า ส่งผลให้ผู้ใช้มีอายุยืน คล้ายกับการใช้อายุวัฒนะ
น้ำมันมะพร้าวมีบทบาทอย่างมากในการชะลอความชราดังนี้
1. ช่วยต่อต้านการเกิดอนุมูลอิสระ
แอนตีออกซิแดนต์ เป็นกลไกในธรรมชาติที่ต่อต้านอนุมูลอิสระ ที่เกิดเพราะอิเล็กตรอนในวงแหวนรอบนอกของโมเลกุลของเซลล์สูญหายไป จึงไปดึงอิเล็กตรอนจากโมเลกุลข้างเคียง ซึ่งก็ไปดึงอิเล็กตรอนจากโมเลกุลข้างเคียงต่อ ๆ ไป จึงเกิดปฎิกิริยาลูกโซ่ ทำให้ไขมันที่เยื่อบุเซลล์เสื่อมสภาพ ฉีกขาด สารพิษและเชื้อโรคจึงเข้าไปในเซลล์ได้ และไม่มีประสิทธิภาพในการกำจัดหรือขับออก ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนสภาพของสารประกอบต่าง ๆ ภายในเซลล์และเกิดการกลายพันธุ์ของเซลล์ ก่อให้เกิดผลเสียต่อสุขภาพ ปริมาณแอนตีออกซิแดนต์ในร่างกายของเรา ขึ้นอยู่กับโภชนาที่เราบริโภคเข้าไป อย่างไรก็ตาม เราอาจใส่แอนตีออกซิแดนต์เข้าไปในร่างกาย โดยการทาที่ผิวหนังเพื่อที่จะลดรอยเหี่ยวย่น และในขณะที่ผิวหนังของเรากำลังจะเกิดรอยเหี่ยวย่นนั้น ภายในร่างกายของเราก็ประสบกับอนุมูลอิสระไปพร้อม ๆ กัน และนี่เอง ที่ทำให้สภาพภายในร่างกายแก่ลงด้วย การใช้น้ำมันมะพร้าวเป็นประจำ จะช่วยชะลอความชราทำให้เราดูอ่อนวัย และรู้สึกกระปรี้กระเปร่า น้ำมันมะพร้าวเป็นสิ่งหนึ่ง ที่จะช่วยรักษาสภาพต่าง ๆ ที่เกิดจากความชราได้ ดังในกรณีดังต่อไปนี้
1.1 ป้องกันรอยเหี่ยวย่นของผิวหนัง เมื่อเรามีอายุมากขึ้น เยื่อใยยึด จะถูกอนุมูลอิสระทำลาย จะแข็งตัวและการยึดโยงน้อยลง สูญเสียความยืดหยุ่นและความแข็งแรงไป ผิวหนังก็จะเสียความสามารถในการยึดติดกัน ทำให้หย่อนยานและเกิดเป็นรอยเหี่ยวย่น การขับไขมันและความชื้นสู่ผิวหนังก็น้อยลง ผิวหนังที่เคยอ่อนนุ่ม ก็เปลี่ยนเป็นแห้งผาก
น้ำมันมะพร้าวมีประโยชน์อย่างมากในการต่อสู้กับ อนุมูลอิสระ เพราะมีสารแอนตีออกซิแดนต์อยู่อย่างบริบูรณ์ ยังช่วยเพิ่มไขมันบนผิวหนัง ปกป้องความชื้นของผิวไว้ ทำให้ผิวหนังชุ่มชื้น เนียนนุ่ม ดูสดใส
1.2 ป้องกันการเกิดกระและรอยช้ำของผิวหนัง เมื่อมีอายุมากขึ้น และถูกกับแสง UV ผิวจะเกิดกระ เป็นจุดดำและรอยคล้ำ เนื่องจากแสง UV และอนุมูลอิสระที่เกิดจาก UV กระตุ้นเซลล์เม็ดสีให้สร้างเม็ดสีเมลานิน เป็นกระจุก ๆ เกิดเป็นกระ จุดดำ รอยคล้ำ เมื่อชโลมน้ำมันมะพร้าว ๆ จะเคลือบและซึมเข้าไปใต้ผิวอย่างรวดเร็ว จึงเข้าไปถึงเซลล์เม็ดสีไปลดการสร้างอนุมูลอิสระเมื่อถูกแสง UV ซึ่งเป็นตัวกระตุ้นการสร้างเมลานิน
1.3 ป้องกันไม่ให้ผิวหนังแห้ง กระด้าง เป็นเกล็ด และคัน อาการอีกอันหนึ่งที่เกิดขึ้นกับผู้สูงอายุ คือ โรคผิวหนังแห้ง มีอาการผิวหนังแห้ง กระด้าง เป็นเกล็ด และคัน โดยปกติเราจะใช้สารให้ความชุ่มชื้นรักษาอาการดังกล่าว แต่สารเหล่านี้ ส่วนใหญ่ประกอบด้วยสารน้ำมันไม่อิ่มตัวและน้ำ ซึ่งช่วยให้เนื้อเยื่อเต่งตึงขึ้นได้ แต่ก็เป็นเพียงชั่วคราว เพราะเมื่อน้ำมันระเหยออกหมดแล้ว เนื้อเยื่อก็กลับมีรอยเหี่ยวย่นดังเดิม หรือมากกว่าเดิม ยิ่งไปกว่านั้นจะก่อให้เกิดโรคมะเร็งผิวหนัง
เนื่องจากโรคมะเร็งผิวหนังแห้งนี้ส่วนหนึ่ง เกิดจากการอักเสบของผิวหนังที่เกิดจากการติดเชื้อเรื้อรัง การมีฤทธิ์ต่อต้านเชื้อโรคของน้ำมันมะพร้าว ทำให้เกิดผลดีกว่าที่จะใช้สารเพิ่มความชุ่มชื้นใช้กันมาแต่เดิม จากการทดลองพบว่า การใช้น้ำมันเพื่อรักษาโรคผิวหนังแห้ง ปรากฏว่า น้ำมันมะพร้าวรักษาได้ดีกว่าน้ำมันแร่ที่นิยมใช้ในการรักษาโรคนี้ อีกทั้งยังไม่เกิดผลเสียใด ๆ จากการใช้น้ำมันมะพร้าวแต่อย่างใด
2. ป้องกันผมหงอก
สีของเส้นผม เกิดเซลล์เม็ดสี ที่ผลิตเป็นเม็ดสีเมลานินได้สองโทนสี คือสีเหลืองปนแดง และน้ำตาลปนดำ เข้าไปสะสมในเนื้อเส้นผมที่เป็นโปรตีน Keratin ความแตกต่างในสีผมขึ้นอยู่กับเชื้อชาติ และพันธุกรรม ที่ทำให้มีการผลิตเม็ดสีออกมาในสัดส่วนต่าง ๆ กัน เมื่ออายุมากขึ้น รากผมจะค่อย ๆ เสื่อมลง ทำให้ผมร่วงง่ายเส้นบางลง พร้อมกับการที่เซลล์เม็ดสีผลิตเม็ดสีได้น้อยลงเรื่อย ๆ จนไม่ได้เลย เพราะตายไปหมด ทำให้ผมเป็นสีขาว หรือที่เรียกกันว่า "ผมหงอก" แต่ในบางคนผมอาจจะหงอกก่อนวัย ซึ่งอาจเป็นเพราะ (1)กรรมพัมธุ์ เป็นลักษณะที่ถ่ายทอดมากจากบรรพบุรุษ (2)อนุมุลอิสระ ที่เข้าสู่ร่างกายทำให้เซลล์ทั้งร่างกาย รวมั้งเซลล์เม็ดสีแก่หรือตายเร็วขึ้น
น้ำมันมะพร้าวช่วยลดปริมาณการสูญเสียโปรตีนของเส้นผม เพราะน้ำมันมะพร้าวสามารถ ยึดเกาะกับโปรตีนของเส้นผม จึงช่วยเสริมความแข็งแรงโดยการรักษาความชื้น และลดรอยแตกแยกในเส้นผมได้ดี อีกทั้งยังมีขนาดเล็ก จึงแทรกซึมเข้าไปในเส้นผมได้สะดวก
นอกจากนั้น น้ำมันมะพร้าวยังช่วยรักษาสุขภาพของหนังศีรษะ เพราะน้ำมันมะพร้าวมี ฤทธิ์ยับยั้งเชื้อโรค เช่น เชื้อรา จึลดการเกิดรังแค ผมร่วง และรักษาความชื้น สร้างความเนียนนุ่มให้แก่หนังศีรษะ เช่นเดียวกับผิวหนังบริเวณอื่น นอกจากนั้น สารแอนตีออกซิแดนต์ ยังทำหน้าที่ต่อต้านอนุมูลอิสระที่ทำอันตรายต่อหนังศีรษะ ดังนั้น หนังศีรษะจึงไม่รอยเหี่ยวย่น แต่มีสุขภาพดี เป็นผลทำให้เส้นผมเจริญเติบโตได้ดี ดกดำเป็นเงางาม และไม่หงอก
3. ช่วยป้องกันโรค
ผู้สูงอายุมีโอกาสเป็นโรคได้มากและง่ายกว่า เพราะร่างกายไม่ค่อยแข็งแรง ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนล้า ขาดการออกกำลังกาย การบริโภคน้ำมันมะพร้าวเป็นประจำ(แต่ต้องเลิกบริโภคน้ำมันไม่อิ่มตัวด้วย) จะช่วยแก้สถานการณ์ดังกล่าวได้ เช่น ปลอดจากโรคหัวใจ โรคมะเร็ง โรคเบาหวาน ความอ้วน ไข้หวัด อีกทั้งยังช่วยป้องกันโรคอื่น ๆ ด้วยการกลั้วกลอกน้ำมันมะพร้าวในปาก นอกจากนั้น ยังช่วยกระตุ้นกิจกรรมทางเพศ อันเป็นการลดอันตรายจากการเกิดมะเร็งปากมดลูก มะเร็งต่อมลูกหมาก และลูกหมากโต
4. ช่วยสร้างธันรอยด์ฮอร์โมน
น้ำมันมะพร้าวกระตุ้นให้ต่อมธัยรอยด์สร้างธัยรอยด์ฮอร์โมน หากมีปริมาณในระดับปกติ จะช่วยให้ LDL เปลี่ยนไปเป็นฮอร์โมนต่อต้านความชรา เช่น DHEA และเทสโตสเตอโรน อย่างไรก็ตาม หากระดับธัยรอยด์ฮอร์โมนต่ำเกินไปคอเลสเตอรอลจะไปสะสมที่ผนังของหลอดเลือด หัวใจ และก่อให้เกิดการแข็งตัวของหลอดเลือด เนื่องจากต่อมธัยรอยด์ทำงานเฉื่อยลง เมื่อบุคคลมีอายุมากขึ้น การใช้น้ำมันมะพร้าวจะช่วยรักษาระดับการทำงานของต่อมธัยรอยด์ให้เป็นปกติ
5. ช่วยให้อายุยืนจากการกลั้วกลอกน้ำมันมะพร้าวในปาก
ซึ่งเป็นการดึงเอาเชื้อโรคที่อยู่ในปาก และสารพิษที่มันสร้างขึ้นออกจากร่างกายแทนที่จะกลืนเข้าไปในร่างกาย และไปก่อให้เกิดปัญหา โดยเฉพาะเกิดโรคต่าง ๆ มากมาย โดยปกติ น้ำลายในปากจะช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อโรค แต่ก็มีเชื้อจำนวนหนึ่งที่ยังเจิญเติบโตอยู่ได้ แต่ในขณะที่เราหลับ ร่างกายสร้างและเคลื่อนไหวน้ำลายน้อย ทำให้เชื้อจุลินทรีย์สามารถเจริญเติบโต และขยายพันธุ์มากขึ้นเป็นจำนวนถึง 6,000 ล้านตัวในเวลา 8 ชั่วโมง ที่เราหลับเชื้อจุลินทรีย์เหล่านี้ บางตัวก็เป็นสาเหตุของโรค บางตัวก็ไม่เป็น ซ้ำบางตัวยังเป็นประโยชน์ ช่วยทำลายจุลินทรีย์ที่เป็นเชื้อโรค เมื่อมันอยู่ในปากของเรา แต่เมื่อเข้าไปในร่างกาย จุลินทรีย์ที่ไม่ก่อให้เกิดโรค อาจก่อให้เกิดโรคได้ในร่างกาย เพราะมีสิ่งแวดล้อมที่แตกต่างจากในช่องปาก
การกลั้วกลอกน้ำมันมะพร้าว ได้รับการยืนยันว่า สามารถฆ่าเชื้อโรคที่ก่อให้เกิดปัญหาต่อสุขภาพของมนุษย์ ช่วยรักษาสุขภาพปากและฟัน และเชื่อว่าช่วยให้มนุษย์มีอายุยืนยาวเป็นสองเท่าของปกติ
6. ป้องกันการเกิดการเติมออกซิเจนของไขมัน
มีงานวิจัยหลายชิ้นที่แสดงว่า อุบัติการณ์ของความชรา โดยเฉพาะความชราของ มันสมองเกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดกับปรากฏการณ์การเติมออกซิเจนของไขมันหรือที่ เรียกว่า peroxidation งานวิจัยชิ้นแรก พบว่า การลดอัตราส่วนของน้ำมันไม่อิ่มตัว ต่อน้ำมันอิ่มตัวในอาหาร(และรวมทั้งในเนื้อเยื่อด้วย) มีบทบาทต่อความชรา
เมื่อเร็ว ๆ นี้ มีการศึกษาจำนวนมากที่แสดงว่า แสง UV สามารถทำให้เกิดการเติมออกซิเจนในไขมันไม่อิ่มตัว แต่ไม่เกิดในไขมันอิ่มตัว ซึ่งเกิดขึ้นทั้งที่ผิวหนัง และในห้องปฏิบัติการในการทดลองกับกระต่ายรวมทั้งกับมนุษย์ด้วย นักวิจัยได้แสดงว่า ปริมาณของน้ำมันไม่อิ่มตัวในอาหาร มีอิทธิพลต่ออัตราการเกิดความชรา ทำให้เกิดรอยเหี่ยวย่นของผิวหนัง ไขมันไม่อิ่มตัวที่ผิวหนัง เป็นตัวการของการเกิดความชรา และมีผลในการเกิดโรคมะเร็งที่ก่อขึ้นโดยแสงUV แต่ไม่ใช่สาเหตุอันเดียว
วิธีใช้น้ำมันมะพร้าวเพื่อชะลอความชรา
1. วิธีบริโภคน้ำมันมะพร้าว ซึ่งการบริโภคน้ำมันมะพร้าว เป็นการช่วยให้เรามีความงามจากภายใน เราสามารถบริโภคน้ำมันมะพร้าวได้ 3 ทาง คือ
1.1 บริโภคน้ำมันล้วน ๆ ได้แก่ การนำน้ำมันมะพร้าวเข้า ปาก โดยใช้ช้อน หรือดื่มจากภาชนะ การใช้ช้อน จะช่วยให้กะปริมาณได้ใกล้เคียงกับที่ต้องการ ในขณะที่ดื่มจากภาชนะ สะดวก แต่กะปริมาณไม่ได้ดี
1.2 ผสมลงในอาหารและเครื่องดื่มอื่น ๆ น้ำมันมะพร้าวสามารถ เข้ากันได้กับอาหารและเครื่องดื่มหลายชนิด เช่น ซุป โจ๊ก แกงจืด น้ำส้ม น้ำผลไม้ ชา กาแฟ โอวัลติน ฯลฯ โดยไม่ได้ทำให้อาหารและเครื่องดื่มเหล่านั้น เปลี่ยนรสชาติ หรือสูญเสียคุณค่าทางอาหาร และความอร่อยไป แต่ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับบุคคล โดยเฉพาะความเคยชิน เพราะใหม่ ๆ อาจรู้สึกกระอักกระอ่วนอยู่บ้าง แต่นาน ๆ เข้าก็จะหายไป
1.3 ปรุงไปในอาหาร เราสามารถใช้น้ำมันมะพร้าว ปรุงอาหารได้ โดยเฉพาะในการทอด และผัด หรือแม้แต่เป็นตัวทำให้อาหารไม่ติดกระทะหรือภาชนะ เช่น ในการเจียวไข่ ทำปิซซ่า
2. วิธีชโลมตัวด้วยน้ำมันมะพร้าว เป็นวิธีที่สะดวกที่สุด และได้ประโยชน์มากที่สุด ทำได้โดยการเทน้ำมันมะพร้าวใส่ฝามือประมาณ 1 ช้อนชา และชโลมลงบนตัว ตั้งแต่ใบหน้า ลำตัว แขน ขา ไม่จำเป็นต้องใช้มาก โดยจะสังเกตได้ว่า น้ำมันมะพร้าวจะ ซึมเข้าไปในผิวหนังอย่างรวดเร็ว และไม่รู้สึกเหนอะหนะ แต่หากใช้มากเกินไป น้ำมันส่วนเกินจะติดอยู่ที่ผิวหนัง ไม่ซึมเข้าไปข้างใน หลังจากชโลมน้ำมันมะพร้าวที่ตัวแล้ว ไม่ช้า ก็สามารถสวมเสื้อผ้าได้ โดยไม่ติดน้ำมันมะพร้าวควรชโลมตัวด้วยน้ำมันมะพร้าวก่อนออกไปกลางแจ้ง หรือก่อนลงว่ายน้ำ หรืออาบแดด
สำหรับใบหน้า น้ำมันมะพร้าวสามารถบำรุงผิวหน้า ปรับสภาพผิวให้นุ่มนวล เต่งตึง และมีสุขภาพดี ลดการเกิด สิว ฝ้า และอื่น ๆ และการสะสมสารเคมีจากเครื่องสำอางค์ ซึ่งทำได้โดยการใช้สำลีชุบน้ำมันมะพร้าว เช็ดใบหน้า และทานวดผิวหน้าด้วยน้ำมันมะพร้าวหลังอาบน้ำ และก่อนเข้านอน
หากมีอาการผื่น และคันตามผิวหนัง รวมทั้งที่ง่ามเท้า ให้ใช้น้ำมันมะพร้าวทาบริเวณที่เป็นผื่นคัน หากมีสภาพผิวหยาบกร้าน กระด้าง หรือส้นเท้าแตก ให้ใช้น้ำมันมะพร้าวทาและนวดบริเวณนั้นก่อนนอน
3. วิธีชโลมหนังศรีษะและเส้นผมด้วยน้ำมันมะพร้าว
- การนวดผม เทน้ำมันมะพร้าวลงบนฝ่ามือประมาณ 1 ช้อนชา แล้วใช้มือละเลงน้ำมันมะพร้าวลงบนศรีษะ นวดคลึงหนังศรีษะ และเส้นผม
- การหมักผม หลังจากชโลมเส้นผมด้วยน้ำมันมะพร้าวแล้ว ให้ใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นโพกศีรษะ ไว้ 30 นาที ก่อนสระผม หรือจะใช้หมวกอาบน้ำคลุมไว้แล้วเข้านอน และสระผมในวันรุ่งขึ้นก็ได้ และจะได้ผลดีกว่า
3. วิธีกลั้วกลอกน้ำมันมะพร้าวในปาก
หลังตื่นนอน ขณะที่ช่วงท้องว่าง และก่อนรับประทานอาหารเช้า เอาน้ำมันมะพร้าว 2 ช้อนชา ใส่เข้าปาก อย่าใส่มากกว่านั้น เพราะจะไม่มีที่ว่างในช่องปากให้น้ำลายออกมาช่วยทำหน้าที่ ในขั้นตอนนี้ น้ำมันจะผสมกลมกลืนกับน้ำลาย ๆ จะช่วยกระตุ้นให้เอนไซม์ดึงสารพิษออกมาจากกระแสเลือด
อย่ากลืนลงคอ แต่ถ้าเผลอกลืนลงไป ก็ไม่มีอันตรายร้ายแรงใด ๆ เพียงแต่ท่านอาจจะกลืนสารพิษเข้าไปในท้องบ้างเล็กน้อย ส่วนพวกเชื้อโรคนั้น ได้ถูกฆ่าตายหมดแล้วด้วยน้ำมันมะพร้าว และทั้งเชื้อโรคที่ตายแล้ว และสารพิษ ก็จะถูกร่างกายขับออกมาทางอุจจาระเอง
จากนั้น จึงกลั้วกลอกน้ำมันในปาก โดยค่อย ๆ จิบน้ำมันเข้าปาก ดูด ดึง ดัน(หรือ กลั้ว กลอก กลิ้ง ก็ได้) น้ำมันให้ผ่านไปมาให้ทั่วปาก โดยใช้เวลาประมาณ 15 - 20 นาที
เมื่อเราเคลื่อนไหวน้ำมันอยู่ในปากซักพัก จะรู้สึกว่าน้ำมันมะพร้าวนั้น เบาบางลง ไม่หนืด มีลักษณะคล้ายน้ำ สีขาวขุ่น มีฟองอากาศปะปนอยู่ แต่ถ้ายังมีสีขาวใสอยู่เหมือนเดิม แสดงว่าใส่น้ำมันมากไป หรือยังใช้เวลาไม่นานพอ หรือท่านไม่ได้กลั้วกลอกน้ำมันมะพร้าวในปากของท่าน เพียงแต่อมไว้เฉย ๆ ไม่เกิดประโยชน์สูงสุด
ขั้นต่อไป ให้บ้วนน้ำมันมะพร้าวที่อมอยู่ในปากออกทิ้ง ซึ่งเป็นตอนสำคัญอันหนึ่ง มีข้อแนะนำคือ
- บ้วนลงในกระโถน หรือกระป๋อง แล้วนำไปเททิ้ง (อาจใจกระป๋องที่บรรจุผลไม้ที่ใช้หมดแล้ว รองกระป๋องด้วยถุงพลาสติก เพื่อจะได้ไม่ต้องล้างกระป๋อง แล้วเวลาเทลงถังขยะ ก็ไม่เลอะเทอะ โดยใช้ยางรัดปากถุงก่อนทิ้งลงถังขยะ)
- อย่าบ้วนลงอ่างล้างหน้า หรืออ่่างล้างชาม เพราะน้ำมันที่บ้วนทิ้งลงไปนั้น มีแบคทีเรีย สารพิษ และของเสียที่ดึงออกจากร่างกาย ซึ่งเป็นสารอินทรีย์ และอาจทำให้ท่อน้ำทิ้งตันได้
- อย่าไปเทลงกระถางปลูกต้นไม้ หรือที่ที่มีต้นไม้ขึ้นอยู่ เพราะอาจทำให้ต้นไม้ตายได้
- แล้วแปรงฟัน ให้น้ำล้างปาก หรือจะให้ดี ก็ใช้นิ้วมือช่วยทำความสะอาดฟันและเหงือกด้วยก็ได้
การทำการกลั้วกลอกน้ำมันมะพร้าวในปาก จึงควรทำเป็นสิ่งแรกในตอนเช้า ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่แบคทีเรียในช่องปากมีปริมาณมากที่สุด แต่ถ้าจะเร่งการบำบัดให้เร็วขึ้น ก็ให้ทำการกลั้วกลอกวันละ 3 เวลา ก่อนอาหารเช้า กลางวัน เย็น และตอนท้องว่าง
วันเวลาที่ผ่านไป เป็นสัจธรรม เพราะไม่มีใครสามารถหยุดเวลาได้ หากเราจะคิดว่าความชรา คือ การมีอายุมากขึ้น ตามเวลาของนาฬิกา หรือ ปีปฏิทิน ทุกคน ก็จะต้องแก่เข้าสักวันหนึ่ง แต่หากได้พิจารณาถึงความสามารถในการดำรงชีวิตของแต่ละบุคคล ได้แก่ สมรรถภาพทางกาย เช่น รูปลักษณ์ภายนอก รวมทั้งสมรรถภาพทางจิตใจ และการปรับตัวต่อสิ่งแวดล้อม จะเห็นได้ว่า เราสามารถชะลอสิ่งเหล่านี้ให้เสื่อมลงช้าที่สุดได้ โดยการพยายามศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับสุขภาพ การใช้ชีวิตประจำวันที่เหมาะสม โภชนาการที่ดี การออกกำลังกาย และการรักษาสุขภาพจิตให้ดีอยู่เสมอ
น้ำมันมะพร้าวเป็นผลิตภัณฑ์ธรรมชาติ ที่มีประโยชน์มากมาย โดยเฉพาะต่อผู้สูงวัย โดยการป้องกัน รักษาสภาวะที่เกี่ยวกับอายุ โดยไม่เกิดปัญหาใด ๆ ทำให้ผู้สูงอายุ มีสุขภาพดี และมีความสุข ผู้สูงอายุจึงควรใช้เป็นประจำ
ขอบคุณข้อมูลจาก
เอกสารวิชาการฉบับที่ 3/2553
การชะลอชราภาพด้วยน้ำมันมะพร้าว
โดย ดร. ณรงค์ โฉมเฉลา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น