ปัจจุบัน
อาหารสุขภาพ
ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารหรือแม้กระทั่งเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพจำนวนมากต่างก็ชู
คุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระเป็นจุดขายเพื่อชะลอความเสื่อม
เพื่อความงามและดูอ่อนกว่าวัย
การกินผักผลไม้ของเราก็มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ได้ “สารต้านอนุมูลอิสระ”
เพิ่มขึ้นนอกเหนือไปจากเพื่อให้ได้วิตามินและเกลือแร่แบบที่เคยเรียนมาตอน
เด็กๆ เราได้ยินชื่อผักผลไม้แปลกๆ
จากแดนไกลเป็นส่วนผสมที่อุดมไปด้วยคุณสมบัติพิเศษนี้มากขึ้นเรื่อยๆ
แล้วคุณทราบหรือไม่ว่าอนุมูลอิสระคืออะไร? ทำไมเราจึงต่อต้านมัน?
แล้วอนุมูลอิสระทำร้ายเซลล์ได้อย่างไร?
เนื่องจากลักษณะของอนุมูลอิสระที่มีอิเล็กตรอนอิสระในโครงสร้างทำ
ให้มีความไวสูงต่อการทำปฏิกิริยากับดีเอ็นเอ โปรตีน คาร์โบไฮเดรต
หรือไขมันที่เป็นองค์ประกอบในร่างกาย
อนุมูลอิสระจึงเปรียบเหมือนโจรวิ่งราวที่ว่องไว
ใช้วิธีการวิ่งชนและฉกเอาอิเล็กตรอนออกมา
ซึ่งเมื่อเสียอิเล็กตรอนไปก็จะมีผลให้โครงสร้างและการทำงานเสียไปด้วย
ตัวอย่างเช่น
เมื่อผนังเซลล์ถูกทำลายโดยอนุมูลอิสระก็จะเสียโครงสร้างทำให้การไหลเข้าออก
ของสารผ่านเซลล์ผิดปกติจนทำให้เซลล์ตาย หรือเมื่อแอลดีแอลโคเลสเตอรอล
(ไขมันร้าย – LDL cholesterol)
ถูกชนโดยอนุมูลอิสระก็จะทำให้เปลี่ยนโครงสร้างและเกาะกับผนังหลอดเลือดได้
ง่ายขึ้นเป็นปัจจัยหนึ่งของการเกิดภาวะหลอดเลือดแดงแข็ง
อนุมูลอิสระจึงเป็นสาเหตุของความเสื่อมของร่างกายที่สำคัญ
และยังเกี่ยวข้องกับการเกิดโรคต่างๆ เช่น มะเร็ง โรคหลอดเลือดหัวใจ เบาหวาน
อัลไซเมอร์ พาร์กินสัน จอประสาทตาเสื่อมอันเนื่องมาจากวัย เป็นต้น
อนุมูลอิสระ
(Free Radical)
เป็น
โมเลกุลเคมีที่ร่างกายสร้างขึ้นในขณะที่ออกกำลังกาย ขณะเจ็บป่วย เครียด
และเป็นผลพลอยได้จากเผาผลาญอาหารเป็นพลังงาน
นอกจากนี้ในสิ่งแวดล้อมรอบตัวเราก็ก่อให้เกิดอนุมูลอิสระได้เช่นกัน เช่น
ควันบุหรี่ มลภาวะทางอากาศแสงแดด สารเคมีปนเปื้อนในอาหาร เป็นต้น
ดังนั้นเซลล์ร่างกายจำนวนหลายพันล้านเซลล์ของเราจึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะ
ต้องเผชิญกับอนุมูลอิสระอย่างต่อเนื่องตลอดเวลา
กินอย่างไรให้ต้านเสื่อม?
ถึง
แม้เราจะหลีกเลี่ยงอนุมูลอิสระไม่ได้แต่ธรรมชาติก็มอบสารที่มีคุณสมบัติ
“ต้านอนุมูลอิสระ”หลายร้อยชนิดในรูปต่างๆ โดยเฉพาะที่พบในผักผลไม้ เช่น
วิตามินซี วิตามินอี
วิตามินเอและไฟโตนิวเทรียนท์ผักผลไม้เป็นแหล่งของสารต้านอนุมูลอิสระที่ดี
ที่สุด โดยเฉพาะผักผลไม้ที่มีสีสันต่างๆ และพืชสมุนไพร เช่น ผักโขมบร็อคโคลี แครอท ส้ม ทับทิม บลูเบอร์รี แอปเปิล องุ่นแดง ขมิ้นชัน ขิง อบเชย เป็นต้น ซึ่ง
เพื่อสุขภาพที่ดีองค์การอนามัยโลกแนะนำให้รับประทานผักผลไม้อย่างน้อยวันละ
400 - 500 กรัม แต่คนไทยร้อยละ 78 รับประทานผักผลไม้เพียงวันละ 276 กรัม
หรือประมาณครึ่งหนึ่งของปริมาณที่แนะนำเท่านั้นเนื่องจากร่างกาย
สร้างและได้รับอนุมูลอิสระในทุกวันไม่มีวันหยุด
การกินสารต้านอนุมูลอิสระให้เพียงพอในทุกๆ
วันจึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพร่างกายในการต่อต้านกับอนุมูล
อิสระที่คุกคามเซลล์ต่างๆ และสร้างความเสื่อมถอยให้กับสุขภาพ
ซึ่งจากงานวิจัยจำนวนมากได้ยืนยันว่าการกินอาหารที่อุดมไปด้วยผักผลไม้ให้
มากจะลดโอกาสในการเกิดโรคบางโรคให้น้อยลง
ข้อแนะนำแนวการกินเพื่อต้านเสื่อมดังนี้
กินผักผลไม้ หลากหลายชนิดให้ครบ 5
สีในแต่ละวัน อย่างน้อยวันละ 400 - 500 กรัม
เพื่อให้ได้รับผักผลไม้เพิ่มขึ้นทุกวัน ลองเพิ่มผักเข้าไปในอาหารทุกมื้อ
และแทนขนมหวานด้วยผลไม้สด
กินธัญพืชเต็มเมล็ด (Whole grain) ซึ่งอุดมไปด้วยไฟโตนิวเทรียนท์และใยอาหาร
กินปลาอย่างน้อยสัปดาห์ละ 2 ครั้ง โดยเฉพาะปลาทะเลที่มีไขมันสูง เช่น แซลมอน เพื่อกรดไขมันโอเมก้า-3 ที่ดีต่อสุขภาพหัวใจ
หลีกเลี่ยงน้ำตาลทรายขัดขาว ซึ่งเป็นตัวการสำคัญ
ของความเสื่อมและทำให้แก่เร็ว
ของความเสื่อมและทำให้แก่เร็ว
เปลี่ยนเครื่องดื่มประจำตัวจากน้ำหวาน น้ำอัดลม เป็นน้ำเปล่า หรือชาเขียวไม่ใส่น้ำตาล และหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มประเภทแอลกอฮอล์
หลีกเลี่ยงอาหารปิ้งย่าง อาหารถุงสำเร็จรูปที่มักใช้น้ำมันที่คุณภาพไม่ดีมาประกอบอาหาร ซึ่งจะก่อให้เกิดอนุมูลอิสระมากขึ้นในร่างกาย
เลือกถั่วอบเป็นขนมขบเคี้ยวแทนมันฝรั่งทอดกรอบหรือเบเกอรี ถั่วอุดมไปไขมันไม่อิ่มตัว วิตามินบี และไฟโตนิวเทรียนท์
นอกจากอาหารการกิน ที่เพียงเสียเวลาเตรียมเพิ่มอีกนิด เพื่อให้ร่างกายได้รับสารต้านอนุมูลอิสระจากผักผลไม้อย่างเพียงพอ
การต้านเสื่อมและป้องกันโรคยังขึ้นกับการดำเนินชีวิตด้านอื่นๆ ของเรา ซึ่งการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
การดูแลจิตใจให้มีสุข ก็เป็นสิ่งสำคัญที่ละเลยไม่ได้ เพื่อสุขภาพที่ดีอย่างยั่งยืนจากภายใน
การต้านเสื่อมและป้องกันโรคยังขึ้นกับการดำเนินชีวิตด้านอื่นๆ ของเรา ซึ่งการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
การดูแลจิตใจให้มีสุข ก็เป็นสิ่งสำคัญที่ละเลยไม่ได้ เพื่อสุขภาพที่ดีอย่างยั่งยืนจากภายใน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น