
การแบ่งชนิดของสิวจะแบ่งออกเป็น
- สิวที่ไม่มีการอักเสบ

เป็นสิวที่เกิดจากไขมันยังอยู่ใต้ผิวหนัง ทำให้เห็นรูเปิดเล็กมากหรือไม่เห็นเลยเรียก close comedone ลักษณะเป็นตุ่มสีขาว ส่วน open comedone ลักษณะเป็นสิวหัวเล็กๆเป็นสิวหัวดำ ทั้งสองชนิดไม่ควรบีบให้หัวสิวออก เพราะเนื้อเยื่อจะช้ำ ทำให้เกิดการติดเชื้อแบคทีเรีย
ปัจจัยส่งเสริมทำให้เกิดสิว
- การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน เช่นการเข้าสู่วัยรุ่น หรือการมีประจำเดือน
- การเปลี่ยนแปลงของอากาศ
- เครื่องสำอางที่มีไขมัน เช่น ยากันแดด ครีมบำรุงผิว
- การสูบบุหรี่
การรักษาสิว
หลีกเลี่ยงเครื่องสำอางที่มีไขมัน
- ผู้ที่หน้ามันให้ใช้สบู่ล้างหน้าอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง ส่วนสบู่ที่ผสมยาปฏิชีวนะไม่มีประโยชน์ในการรักาาหรือป้องกันสิวชนิดนี้
- ใช้ยาละลายขุยเช่น retinoic acid 0.025,0.05,0.1% cream ทาก่อนนอน ถ้ามีอาการระคายเคืองก็ลดลงให้ทาวันเว้นวัน ผิวที่ทายาไม่ควรจะถูกแสงแดด เพราะจะทำให้เกิดอาการระคายเคืองมาก ระยะแรกของการใช้ยาสิวจะเพิ่มขึ้น หลังจากนั้น 2-3 สัปดาห์จึงจะดีขึ้น
- อาจจะใช้ยา 5% benzoyl peroxide[BP] ทาสิวทิ้งไว้ 10-15 นาทีแล้วจึงล้างออก
- ถ้าหัวสิวมีขนาดใหญ่ ให้ใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นปิดบริเวณที่เป็น หลังจากนั้นใช้เครื่องมือ Schamberg loop บีบเอาหัวสิวออก
ยารับประทาน
ยารับประทานที่ใช้ป้องกันและรักษาได้แก่- ฮอร์โมน
- อนุพันธ์ของวิตามินเอ
- ส่วนยาปฏิชีวนะจะไม่ได้ผล
คำว่า comedone หมายถึงต่อมขุมขนที่มีไขมันอุดตัน หากหัวสิวเปิดสู่ผิวเรียก open comedone ลักษณะเป็นหัวสิวหัวเล็กๆสีดำ ส่วนหัวสิวที่ไม่เปิดสู้ผิวหนังเรียก close comedone ลักษณะจะเป็นตุ่มหัวขาวๆ ไม่ว่าจะเป็นสิวชนิดไหนก็ไม่ควรจะบีบหัวสิวออก ที่เห็นเป็นสีดำเนื่องจากเป็นเนื้อเยื่อที่ตายแล้ว มิใช่เกิดจากสิงสกปรก ดังนั้นไม่จำเป็นต้องขัดหรืออาบน้ำบ่อยหรือถูแรงๆเพราะจะเป็นผลเสียต่อผิว หนัง

การรักษา
- ผู้ที่หน้ามันให้ใช่สบู่ล้างหน้า หรืออาบน้ำวันละ 2 ครั้ง สบู่ที่ผสมยาปฏิชีวนะไม่มีประโยชน์ และอาจจะระคายเคืองต่อผิวหนัง
- อาจจะใช่ครีมที่มีส่วนผสมของ salicylic ทาเพื่อลอกเอาเซลล์ที่ตายออก
- สำหรับท่านที่มีผมมันก็ให้สระผมทุกวัน
- เครื่องสำอางค์ต้องเลือกชนิดที่ไม่มีไขมันเป็นส่วนประกอบ
- ใช้ยาละลายขุย เช่น retinoic acid 0.025,0.05,0.1 % cream ทาก่อนนอน หลังทายาอาจจะมีอาการระคายเคือง หากมีอาการดังกล่าวให้ทายาวันเว้นวัน ผิวที่ทายาไม่ควรจะถูกแดดเพราะจะทำให้ระคายเคืองมากขึ้น ในระยะแรกของการใช้ยาอาจจะมีอาการเหอของสิว หลังจากทาไปแล้ว 2-3 สัปดาห์อาการจะดีขึ้น
- ยาที่อาจจะเลือกใช้อีกชนิดคือ 5% benzoyl peroxide [BP]ทา 10-15 นาทีแล้วล้างออก หากไม่มีอาการก็ให้ทาทิ้งไว้ -2 ชั่วโมงแล้วล้างออก
- ถ้าเป็นหัวสิวขนาดใหญ่ให้ผ้าชุบน้ำอุ่นปิดบริเวณที่เป็น หลังจากนั้นใช้ที่กดหัวสิวกดเอาสิวออก
2. สิวที่มีการอักเสบได้แก่
-สิวอักเสบ
papulonodular acne
คำว่า papule หมายถึงสิวที่เป็นตุ่มเล็กๆน้อยกว่า 5 มิลิเมตร ส่วน
nodule เหมือน papule แต่จะมีการอักเสบ และรอยโรคเป็นในผิวหนังระดับลึก เมื่อหายอาจจะเกิดแผลเป็น
พวกนี้สิวจะมีลักษณะเป็นสิวเม็ดเล็กๆแดงๆ
บางรายเป็นก้อนเล็กเมื่อคลำจะรู้สึกเหมือนกระดาษทราย การรักษา
- ผู้ป่วยที่ หน้ามันให้ใช้สบู่ล้าง หน้าบ่อยๆ สบู่ที่ผสมยาปฏ ิชีวนะไม่มีประโยชน์
- ใช้ยาละลายขุยเช่น retinoic acid 0.025,0.05,0.1% cream ทาก่อนนอน ถ้ามีอาการะคายเค ืองให้ทายาวันเว้นวัน ผิวที่ทายาไม่ควรถ ูกแสงเพราะจะทำให้ผิวบริเวณนั้นระคายเคืองมาก ระยะแรกของการใช้ยาโรคอาจจะเหอ หลังจากนั้น 2-3 สัปดาห์จึงจะดีขึ้น หรืออาจะใช้ 5% benzoyl peroxide[BP] ทา10-15นาทีแล้วล้างออก ถ้าไม่มีอาการแพ้ให้เพิ่มเป็น 1-2 ชั่วโมงแล้วจึงล้างออก
- หลังจากล้างเอา BP ออกให้ทา clindamycin 0.1% วันละ 2-3 ครั้ง
- ให้ยารับประทาน tetracyclin 250 mg ครั้งละ 2
เม็ดวันละ2
ครั้ง
เมือดีขึ้นค่อยลดยาลงไม่ควรใช้ยานี้ในคนท้อง
สิวเป็นหนอง papulopustular

การแบ่งตามระดับความรุนแรงของสิว
การแบ่งตามระดับความรุนแรงของสิวเพื่อประโยชน์ในการวางแผนการรักษาเราแบ่งความรุนแรงของสิวออกเป็น 3 ระดับดังนี้ความรุนแรงอย่างอ่อน
จะต้องมีลักษณะดังต่อไปนี้- มีสิวเสี้ยนที่ไม่อักเสบน้อยกว่า 20 หัว
- มีสิวที่มีการอักเสบน้อยกว่า 15 หัว
- หรือมีจำนวนสิวน้อยกว่า 30 หัว
ความรุนแรงระดับปานกลาง
- มีสิวที่ไม่มีการอักเสบ 20-100 หัว
- มีสิวที่มีการอักเสบ 15-50หัว
- หรือมีจำนวนสิวมากกว่า 30-125 หัว
เป็นสิวระดับรุนแรง
- มี cyst มากกว่า 5 cysts
- มีจำนวนหัวสิวมากกว่า 100 หัว
- มีจำนวนสิวอักเสบมากกว่า 50 หัว
- มีจำนวนหัวสิวทั้งหมดมากกว่า 125
http://siamhealth.net
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น