พอล ซอร์ซี่
บิดาแห่งน้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์บีบเย็น
ดร.บรูซ ไฟฟ์ นักโภชนศึกษาผู้แต่งหนังสือ Coconut Cures เขียนคำอุทิศไว้ในหนังสือของเขาว่า
" ขอมอบหนังสือเล่มนี้เป็นอนุสรณ์แด่ พอล ซอร์ซี่ และวิสัยทัศน์ของเขา ในการเผยแพร่สรรพคุณการรักษาของน้ำมันมะพร้าวไปทั่วโลก "
พอร์โฟริโอ (พอล) ซอร์ซี่
เกิดที่ฟิลิปปินส์เมื่อวันที่ 2 ตุลาคม 1895
เป็นบุตรคนที่สองในจำนวนพี่น้องห้าคน
พ่อของพอลเป็นนักเทศน์ในคริสตศาสนานิกายโปรแตสแตนต์ เมื่อลูกบ้านป่วย
พ่อของพอลจะรักษาพวกเขาด้วยน้ำมันมะพร้าวซึ่งเป็นยาพื้นบ้านที่ใช้กันมาจน
เป็นประเพณีอยู่ในฟิลิปปินส์ขณะนั้น
เขาทำน้ำมันมะพร้าวด้วยตนเองโดยอาศัยวิธีการที่สืบทอดกันมาจากพ่อของพ่อของ
พ่อ พอลได้เรียนรู้วิธีทำน้ำมันมะพร้าวสดบริสุทธิ์จากที่นั่น
ชีวิต
วัยเด็กของพอลทำไร่ทำนาอยู่ที่บ้าน จนกระทั่งเกิดสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง
ราชนาวีสหรัฐเริ่มเกณฑ์ชาวฟิลิปปินส์เข้ารับราชการทหาร
(ขณะนั้นฟิลิปปินส์เป็นดินแดนภายใต้อาณัติของอเมริกา)
พอลหนุ่มจึงสมัครเข้าเป็นพ่อครัว เขารับใช้กองทัพเรืออยู่สามปี
ภายหลังสงครามโลกยุติ
พอลลาออกจากทหารมาทำงานเป็นพ่อครัวอยู่ในเรือพาณิชย์จนกระทั่งปี 1925
หลังจากนั้นพอลย้ายไปนิวยอร์ค
อาศัยในหมู่บ้านกรีนวิชกับเพื่อนๆชาวฟิลิปปินส์ของเขา
ฝีมือพ่อครัวของเขาได้รับการฝึกฝนให้ดียิ่งขึ้นเมื่อเขาได้เข้าทำงานใน
โรงแรมหรูอย่าง วอลดอร์ฟแอสโตเรีย
พอลยังเคยทำงานให้กับตระกูลมั่งคั่งหลายตระกูล โดยเป็นทั้งพ่อครัว คนขับรถ
และพ่อบ้าน พอลจะปรุงหารรสอร่อย คอยดูแลลูกเจ้านาย
รวมทั้งดูแลสัตว์เลี้ยงและรถยนต์
ครั้ง
หนึ่งเขาทำงานให้ตระกูลไครสเลอร์ โอกาสหนึ่งพอลเล่าว่า
เจ้านายบอกพอใจในผลงานของเขาและเขาสมควรได้รับรางวัล จากนั้นไม่นาน
เจ้านายของพอลตายด้วยเหตุเครื่องบินส่วนตัวตก
เขาทิ้งเงินไว้ให้พอลก้อนหนึ่งที่พอลอธิบายว่าเป็น"เงินก้อนใหญ่"
ส่วนจะใหญ่แค่ไหนนั้นผมไม่เคยรู้
แต่สงสัยว่าไม่น่าจะใช่แค่สองพันสามพันเหรียญ
จากการที่รู้อยู่แล้วว่าพอลดำเนินชีวิตอย่างมัธยัสถ์เพียงไร
เงินจำนวนนี้น่าจะทำให้พอลเป็นหลักเป็นฐาน
แต่พอลกลับมอบมันแก่เพื่อนชาวฟิลิปปินส์ของเขา
เพื่อนำไปใช้เป็นทุนเข้าศึกษาที่คณะแพทยศาสตร์
มหาวิทยาลัยโคลัมเบียโดยไม่หวังจะได้คืน เขาบอกกับเพื่อนของเขาว่า
เมื่อเป็นแพทย์ที่มีชื่อเสียงแล้วให้นำเงินไปช่วยเหลือพี่น้องชาวฟิลิปปินส์
ต่อไป นี่แหละพอล คอยช่วยเหลือผู้อื่นอยู่เสมอ
พอ
ลเริ่มทำน้ำมันมะพร้าวเพื่อช่วยเหลือผู้คนที่เจ็บป่วย
เหมือนกับที่พ่อของเขาเคยทำ อย่างไรก็ดี
น้ำมันมะพร้าวของพ่อของเขาทำด้วยวิธีโบราณ มีส่วนผสมของน้ำปนอยู่มาก
เก็บไว้ได้แค่สองสามสัปดาห์ก็เหม็นหืน
พอลจึงปรับปรุงสูตรดั้งเดิมของพ่อเขาเสียใหม่โดยสกัดน้ำออกทั้งหมด
ทำให้สามารถเก็บรักษาได้นานไม่จำกัด ใช้แล้วลื่นกว่า
และแทรกซึมผ่านผิวหนังได้ง่ายกว่ามาก
พอ
ลเกษียณในปี 1952 เมื่อมีอายุครบ 57
เขาตัดสินใจทำน้ำมันมะพร้าวของเขาออกขายแบบเต็มเวลา
"เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีประโยชน์, ตอบสนองความต้องการของมนุษย์" พอลกล่าว
"มันทำให้คุณมีความสุข, สุขภาพแข็งแรง, และงดงาม, มันแทรกซึมผ่านรูขุมขน,
เข้าสู่ศูนย์กลางประสาท ช่วยให้อายุยืนยาว สุขภาพดี" ช่วงชีวิต 45
ปีที่เหลือต่อมาของพอลอุทิศให้กับ
การเผยแพร่วิธีส่ร้างเสริมสุขภาพด้วยน้ำมันมะพร้าวของเขา
ชื่อเสียงของพอลและน้ำมันมะพร้าวเป็นที่รู้จักกันดีทั่วทั้งเมือง หนังสือพิมพ์หลายฉบับตีพิมพ์เรื่องของพอลและน้ำมัน'โคเพียว'
(น้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์) ของเขา
บริษัทผลิตเครื่องสำอางยักษ์ใหญ่สองสามบริษัทเสนอซื้อสูตรลับการทำน้ำมัน
มะพร้าว แต่พอลปฏิเสธไปทั้งหมด
การได้ลงมือทำพร้อมกับควบคุมคุณภาพด้วยตัวเองเป็นสิ่งสำคัญกว่าการได้มาซึ่ง
เงินทอง
ผู้
คนทั่วทั้งนิวพอร์ทต่างมาหาเขาเพื่อซื้อน้ำมันมะพร้าวหรือมาขอคำปรึกษา
เกี่ยวกับปัญหาสุขภาพ การรักษาของพอลจะใช้น้ำมันมะพร้าวเป็นหลักเสมอ
มันเป็นผลิตภัณฑ์ชิ้นเดียวที่เขาขาย
ลูกค้าของพอลมาจากทุกสาขาอาชีพ นอร์ม่า เทเลอร์
โปรเทนนิสเป็นลูกค้าประจำเช่นเดียวกับ ดิ๊ค เกรกอรี่
นักเขียนเรื่องขำขันและนักเคลื่อนไหวทางการเมือง, แคธลีน คอตตา
ผู้ทำไร่สมุนไพรอยู่ที่พอร์ทสมัทธ์ จะแวะมาซื้อน้ำมันมะพร้าวคราวละสองขวด
ขวดหนึ่งไว้ใช้ภายนอก อีกขวดไว้รับประทาน "เชื่อหรือไม่" เธอพูด
"ฉันเหยาะมันในน้ำชาหรือกาแฟ มันเหมือนวิตะมินเลย"
ที่ร้าน
ของพอลมักเตรียมอาหารหม้อใหญ่เผื่อไว้หนึ่งอย่างสำหรับคนที่กำลังหิว
เขาจะเสิร์ฟมันแก่ลูกค้าประจำ เพื่อนสนิท หรือกับใครๆที่แวะเข้ามา
ทุกๆวันจะมีชายตาบอดคนหนึ่งเดินเคาะไม้เท้ามาตามถนนเทมส์จนถึงร้านของเขา
พอลจะจัดอาหารเลี้ยงดูชายตาบอดอย่างดีราวกับพระราชา
เขาทำเช่นนี้ทุกวันเป็นปีๆและคิดค่าอาหารเพียงหนึ่งหรือสองดอลลาร์
ที่พอลต้องคิดเงินก็เพื่อไม่ให้ชายตาบอดรู้สึกเคอะเขิน
เขายังทำเช่นนี้กับคนติดเหล้าคนหนึ่งที่โผล่มาเป็นครั้งคราว พอล
เป็นชายร่างเล็กที่สูง 5 ฟุต 1 นิ้วและหนักเพียง 120 ปอนด์
แต่หัวใจของเขายิ่งใหญ่นัก
ธุรกิจของพอลคือน้ำมันมะพร้าวที่เขารักอย่างจริงจัง บทสนทนาของพอลถ้าไม่เริ่มต้นก็ต้องจบลงด้วยเรื่องน้ำมันมะพร้าว พอลมักพูดว่า "มะพร้าวเป็นราชาของอาหาร มะม่วงเป็นราชินี"
พอลเคยยกขวดน้ำมันมะพร้าวขึ้นพร้อมพูดว่า
"ความลับของการมีสุขภาพดีอยู่ในขวดนี้
คนเป็นล้านทั่วโลกต้องตายไปเพราะเจ็บไข้หรือหิวโหย
รู้แล้วก็ได้แต่เศร้าใจเพราะตัวผมมีคำตอบอยู่ในมือ"
พอ
ลไม่เคยมีกลิ่นตัวหรือกลิ่นปาก ซึ่งเป็นเรื่องน่าประหลาดใจ
เพราะตลอดเวลาที่รู้จักกันมา 25 ปี พอลไม่เคยอาบน้ำฟอกสบู่เลย
เขาใช้การนวดตัวด้วยน้ำมันมะพร้าวทุกวันตั้งแต่ศีรษะจรดเท้าแทน
เขาจะดื่มมันเล็กน้อย ถ้าวันไหนรู้สึกไม่ดีก็จะดื่มมากหน่อย
ด้วยสุขภาพและสภาวะทางร่างกายที่ดีเยี่ยม
บวกกับใบหน้าที่ไม่มีริ้วรอยแม้จะอยู่ในวัย 70-80
ปีของพอลเป็นตัววัดได้อย่างดีว่าน้ำมันมะพร้าวของเขาให้ผลเช่นไร
![]() |
ปี 1995 พอล
ซอร์ซี่ฉลองวันเกิดอายุครบ 100 ปี ได้รับเกียรติจากเทศบาลเมืองรีโฮบอทช์
แมสซาชูเซ็ท ยกย่องให้เป็นพลเมืองอาวุโสที่สุด
พอลยังคงมีสติแจ่มใสและกระฉับกระเฉง
เขาทำสลัดมันฝรั่งและไข่เดฟเวิลด์เลี้ยงแขกที่มาร่วมฉลองในงาน
|
พอล
ซอร์ซี่เสียชีวิตเมื่อวันที่ 28 มีนาคม 1998 ด้วยวัยอันน่าทึ่ง 102 ปี
คนที่รู้จักต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า
เขาดูอ่อนวัยและกระฉับกระเฉงกว่าอายุ
ยังคงง่วนกับการบดมะพร้าวเพื่อทำน้ำมันอย่างทะมัดทะแมงไปจนบั้นปลายชีวิต
เป็นข้อยืนยันได้อย่างดีว่าน้ำมันมะพร้าวของเขาใช้ได้ผลเพียงไร
พอลนับว่าเป็นผู้ค้นพบยาอายุวัฒนะที่แท้จริง
บางตอนของ The Miracle Man, Coconut Cures
เขียนโดย Bruce Fife N.D. จากคำบอกเล่าของ Jack DiSandro
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น