สุดยอดอาหารต้านโรค น้ำมันมะพร้าว+กระเทียม
คือการนำน้ำมันมะพร้าวแบบสกัดเย็น (COLD PRESS) มาทานรวมกับกระเทียม จะเป็นกระเทียมสดหรือกระเทียมแคปซูลก็ได้
ประโยชน์
- กระตุ้นและเพิ่มภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกาย หยุดยั้งไวรัสและแบคทีเรียต่างๆได้ เช่น หวัด โรคกระเพาะ อาหารเป็นพิษ
- ช่วยเลือดไหลเวียนดี ละลายลิ่มเลือด ลดความดัน
- บำรุงตับ สามารถรักษาโรคตับแข็ง ไวรัสตับอักเสบ A,B,C และลดความเป็นพิษต่อตับของเห็ดมีพิษได้
- ป้องกันและบรรเทาปัญหาแทรกซ้อนของโรคเบาหวาน
- ป้องกันโรคต้อกระจก และโรคตาต่างๆ
- ป้องกันโรคหัวใจ
- โรคเส้นโลหิตในสมองแตก
- เพิ่มการทำงานของวิตามิน C และ E, กลูตาไธโอนและ Q10 และสามารถหมุนเวียนกลับมาใช้ได้อีก
- สามารถปิดสวิทซ์ของรหัสพันธุกรรมที่เร่งขบวนการชราภาพและปิดสวิทซ์การเกิดโรคมะเร็งได้
- ล้างและกำจัดสารพิษในร่างกายได้ดี
- ลดความอ้วน
ชาว
เอเชียรวมทั้งรุ่นปู่ย่าของเราล้วนใช้กันมานานแล้ว และ 40 ปีที่แล้ว
นักวิจัยชาวเยอรมันได้แยกส่วนสำคัญ 2 อย่างออกมา
ตั้งชื่อสารอาหารนี้ใหม่ว่ากรดอัลฟ่าไลโปอิก (ALPHA LIPOIC) เป็น SUPER
ANTIOXIDANT หรือ UNIVERSAL ANTIOXIDANT
คือสารต่อต้านอนุมูลอิสระครอบจักรวาลเพื่อใช้รักษาโรคปลายประสาทอักเสบจาก
เบาหวาน อาหารไม่ย่อย
และให้เป็นอาหารสำหรับเด็กทารกที่มีปัญหาเรื่องระบบการย่อย
ปัจจุบันมีการค้นคว้าเพิ่มเติมมากมายของคุณสมบัติสุดยอดสาร ANTIOXIDANT ที่มีสรรพคุณดังนี้
![]() |
สาระ
สำคัญ 2 อย่างที่ว่ามี กรดไขมันขนาดกลาง C8 กรดคาปริลิก (CAPRILIC ACID )
และกำมะถัน (SULFUR) 2 โมเลกุล ปัจจุบันทางบริษัทผู้ผลิตแจ้งว่าสกัดมาจาก
บล็อกโคลี, ผักโขม, เนื้อวัว
-
แต่น้ำมันมะพร้าวเป็นน้ำมันชนิดเดียวในโลกที่มีกรดไขมันขนาดกลางสูงสุดถึง
63% ประกอบด้วย C8 กรดคาปริลิก,C10 กรดคาปริก, C12 กรดลอริก กรดไขมันทั้ง 3
ตัวทำงานคล้ายกันและส่งเสริมการทำงานซึ่งกันและกัน
เราจึงนำมาใช้งานร่วมกันได้ ไม่ต้องแยกใช้
- กระเทียมมีสารประกอบกำมะถันสูงมาก และยังมีสารสำคัญอีก 30 กว่าชนิด
ถ้าเรานำน้ำมันมะพร้าว + กระเทียม สิ่งที่เราได้จากธรรมชาติ
ไม่ต้องหาซื้ออาหารเสริมอย่างกรดอัลฟ่าไลโปอิก (1 ขวดมี 60 เม็ด ราคา 2,000
กว่าบาท)
โดยนำน้ำมันมะพร้าวและกระเทียมทานเป็นประจำเหมือนรุ่นปู่ย่าเราในสมัยก่อน
ช่วยทำให้ร่างกายเราแข็งแรงขึ้นอีกมาก และหาได้ง่ายๆในสังคมของเรา
ไม่ต้องหาซื้อจากต่างประเทศ ต้องขอบคุณนักค้นคว้าที่ได้และวิจัยถึง
คุณสมบัติอันสุดยอดของสารอาหารนี้
ทำให้เราตระหนักและได้นำความเป็นธรรมชาติที่มีอยู่นำกลับมาใช้อีกครั้งหนึ่ง
วิธีใช้
1.น้ำมันมะพร้าวสกัดเย็นไม่ผ่านความร้อน(ปราศจากการแต่งกลิ่นสังเคราะห์) 1 ช้อนโต๊ะ
2.กระเทียมสด 3-5 กลีบเล็ก หรือ กระเทียมแคปซูล 2-3 แคปซูล
- ทานก่อนอาหาร ครึ่งชั่วโมงช่วยลดความอ้วน หรือ
- ทานพร้อมอาหารหรือหลังอาหาร เพิ่มมวลกล้ามเนื้อ
- ทาน 2-3 มื้อ
อัลฟ่าไลโปอิคแอซิด : แอนติออกซิแดนท์ทุกเหตุการณ์
โดย : Sherry A.Rogers,M.D.
มนุษย์
มีชีวิตอยู่ได้ก็ด้วยปฏิกิริยาเคมีต่างๆหลายพันชนิดที่เกิดขึ้นในแต่ละ
วินาทีในปฏิกิริยาเหล่านี้
เราได้ยักย้ายถ่ายเทอีเลคตรอนไปมาเพื่อเปลี่ยนแปลงอาหารให้กลายเป็นพลังงาน
สำหรับระบบร่างกาย ขับของเสีย
และขจัดสารพิษที่เกิดจากสารเคมีที่รับประทานหรือหายใจเข้าไป
การถ่ายเทอีเลคตรอนมีลักษณะเหมือนเล่นเก้าอี้ดนตรี คือมักจะมีอีเล็คตรอน
เหลือตกค้างที่ไม่มีที่อยู่ในโมเลกุลใดๆอยู่ด้วย
อีเล
คตรอนโดดเดี่ยว (orphan electrons) เหล่านี้มีชื่อเรียกว่าฟรีแร็คดิคัล
จะทำทุกอย่างเพื่อหาที่อยู่ของตัวเองให้ได้
มันจะทะลวงเข้าไปที่เยื่อบุเซลหรือเอนไซม์เพื่อที่จะเข้าไปอยู่ใน
โมเลกุล และนั่นก็ทำให้เกิดความเสียหายขึ้นกับเนื้อเยื่อและเอนไซม์ การที่
อีเลคตรอนไปทำลายเนื้อเยื่อทำให้เกิดปฏิกิริยาเปอร์ออกซิเดชั่นของไขมัน
เนื่องจากเนื้อเยื่อประกอบขึ้นจากไขมัน ทำให้เกิดรูในส่วนที่ถูกออกซิได
ซ์ แล้วทำให้การทำงานของเนื้อเยื่อลดลงทำให้เซลตายเร็วกว่าเวลาอันควรทำให้
ขาดสารอาหาร และไปทำให้เกิดความเครียดต่อระบบร่างกายได้หลายๆทาง
ฟรีแร็ค
ดิคูลหรืออนุมูลอิสระเป็นต้นเหตุของการเป็นโรคหลายอย่างและชราภาพ ดังนั้น
เราจะได้เปรียบขึ้นหากพยามทำให้เกิดน้อยที่สุด
มีฟรีแร็ดดิคัลอยู่หลายชนิด แต่ละชนิดมีหน้าที่ต่างกันและต้องใช้สารแอนติ
ออกซิแดนท์ที่ต่างกันออกไปเพื่อขจัดพิษและควบคุมมัน เช่น
- แร็ดดิคัลเดี่ยวของออกซิเจนเป็นฟรี แร็ดดิคัลที่สามารถจัดการได้ด้วย บีท่าแคโรทีน
- แร็ดดิคัลของเปอร์ออกซิล (peroxyl radical) สามารถจัดการได้ด้วย วิตามิน อี
- แร็ดดิคัลของไฮดร็อกซิล (hydroxyl radical) กำจัดได้ด้วยกลูตาไธโอน
- ออกซิลแร็ดดิคัล (oxyl radical) ด้วยโคคิว 10
สารแอนติออกซิแดนท์อื่นๆอย่างเช่นไวตามินซี
สามารถขับไล่พิษจากโลหะหนักซึ่งจะไปทำให้เกิดฟรีแร็ดดิคัลในภายหลังได้
ไวตามิน ซี ยังสามารถทำให้ไวตามีน อี
นำกลับมาใช้ได้ใหม่อีกครั้งเมื่อไวตามิน อี ทำการกำจัดเปอร์ออกซิลแร็คดิคัล
ตัวมันเองก็จะสูญเสียอีเลคตรอนและไม่สามารถกำจัดฟรีแร็ดดิคัลได้อีกต่อไป
ไวตามีน ซี จะเป็นตัวให้อีเลคตรอนที่ขาดนี้และทำให้ไวตามิน อี
สามารถกลับมาทำงานได้อีก
แต่ถ้ามีสารแอนติออกซิแดนท์ชนิดหนึ่งซึ่งสามารถจัดการกับฟรีแร็ดดิคัลใน
รูปแบบต่างๆได้จะเกิดอะไรขึ้น
สารอาหารอย่างเดียวอาจทำงานทั้งหมดนี้ได้และยังอาจทำงานบางอย่างที่สารแอนติ
ออกซิแดนท์ตัวอื่นๆไม่สามารถทำได้อีกด้วย
นั้นคือทำให้สารอาหารที่สำคัญๆกลับคืนสภาพมาใช้งานกำจัดพิษได้ใหม่อีก
ครั้ง แล้วสารนี้เรียกว่าไลโปอิคแอซิด จากงานวิจัยระบุว่ามันอาจจะไม่เพียง
แต่ยังช่วยทำให้ไวตามินอี กลับมาใช้งานได้ใหม่เท่านั้นแต่ยังรวมไปถึง กลูตาไธโอน,ไวตามินซี,โคคิว10, และเอนไซม์สำหรับกระบวนการเมตาโบลิซึ่มอื่นๆ ด้วย
ร่างกายเราใช้ไลโปอิคแอซิดสำหรับเมตาโบลิซึ่มในเซล เนื่องจากเป็น กรดไขมันที่มีความยาวขนาดกลาง (medium-Chain fatty acid)
ทำให้ร่างกายดูดซึมได้ง่าย เมื่ออยู่ในเซลไลโปอิคแอซิดจะถูก
reduce (ซึ่งเป็นปฏิกิริยาเคมีชนิดหนึ่ง ที่สามารถถ่ายทอดพลังแก่คนอื่น)
ทำให้เป็นไดโฮโดรไลไปอิคแอซิด ซึ่งเป็นสารแอนติออกซิแดนท์ที่ทรงประสิทธิภาพ
ในการทำลายพวกซุปเปอร์ออกไซด์ไฮโดรเปอร์ออกซิล และไฮดร็อกซิลแร็ดดิคัลทั้ง
หลาย
เมื่อตัวมันให้อีเลคตรอนเพื่อไปทำให้แอนติออกซิแดนท์อื่นๆใช้การได้อีก
ครั้ง ตัวเองก็ยิ่งกลับทรงพลังมากยิ่งขึ้นไปอีกโดยยังไปสามารถกำจัดฟรีแร็ค
ดิคัลได้อีกทั้งๆที่ตัวเองอยู่ในรูป reduced
form (คือให้อีเลคตรอนแก่คนอื่นไปแล้ว-ผู้แปล)
แล้วซึ่งเป็นสิ่งที่สารอื่นทำไม่ได้
ร่างกาย
สร้างไลไปอิคแอซิดขึ้นมาได้ แต่ก็ไม่ได้ใกล้เคียงกับปริมาณที่เราจะเอาไปใช้
ได้เลยเมื่อคิดถึงว่าในร่างกายมีปฏิกิริยาเคมีอยู่มากมายเท่าใดที่ต้อง
จัดการนอกเหนือไปจากเป็นสารแอนติออกซิแดนท์สารพัดประโยชน์และช่วยทำให้สาร
แอนติออกซิแดนท์อื่นกลับมาใช้งานได้อีกครั้ง
แล้วไลโปอิคแอซิดยังเป็นตัวต่อต้านการเพิ่มจำนวนของไวรัสเอชไอวี
และยังช่วยเพิ่มแอนติบอดี้เพื่อต่อต้านกับไวรัสเอชไอวีอีกด้วย
ไลโปอิค
แอซิดยังช่วยลดความเสียหายซึ่งทำให้เกิดโรค
arteriosclerosis (ผนังหลอดเลือดแดงหนาและสูญเสียความยืดหยุ่น )
ซึ่งกระบวนการที่ชื่อว่า กลัยโคซิเลชั่น (glycosylation)
โดยไลโปอิคแอซิด ช่วยให้ปฏิกิริยานี้เกิดสภาพเป็นกลาง
ทำให้การเกิดผนังหลอดเลือดหนาและแข็งนี้เกิดช้าลง
ทั้งนี้ยังรวมไปถึงอาการข้างเคียงอื่นที่เกิดจากผนังหลอดเลือดหนาแข็งในผู้
ป่วยเบาหวาน ซึ่งได้แก่โรคหัวใจ,
อาการข้างเคียงจากระบบประสาท,ต้อกระจก,เรติน่าอักเสบจากเบาหวาน,และตาบ
อด,และอื่นๆอีกมากมาย
การ
ศึกษาต่างๆยังระบุว่า ไลโปอิคช่วยป้องกันตับจากการทำลายของสารเคมี
และจากสารอัลดีไฮด์ ซึ่งอย่างหนึ่งเกิดจากเชื้อรา
Candida ที่ไปทำให้เกิด “หมอกในสมอง”
และอาการอื่นๆอีกมากโดยการผลิตอัลดีไฮด์ส่วนเกินออกมา
อัลดีไฮด์เป็นสารที่เกิดขึ้นในร่างกายระหว่างการแยกสลายสารแปลกปลอม และตัว
เองจะกลายเป็นพิษหากเกิดคอขวดขึ้นโดยเกิดปฏิกิริยาเปลี่ยนเป็นสารอื่นไม่ทัน
ทำให้เกิดการสะสมขึ้นอัลดีไฮด์ทำให้หลอดเลือดหนาแข็งตัว,แก่ชรา,ผลด้านลบที่
มีต่อพิษสุราเรื้อรัง และโรคทั้งหมดที่เกิดจากเอนไซม์ที่ถูกทำลายกับเนื้อ
เยื่อที่ต้องทำงานเกี่ยวข้อง ซึ่งไลโปอิคแอซิดอาจช่วยป้องกันความเสียหายที่
เกิดจากอัลดีไฮด์เหล่านี้ได้
ไลโปอิค
แอซิดยังยับยั้งหรือชะลอการเป็นพิษในระบบประสาทหรือความเสียหายของประสาท
หรือความเสียหายของประสาทจากสารเคมีที่สูดดมเข้าไป
จึงเป็นสารอาหารสำคัญสำหรับผู้ที่ไวต่อสารเคมีและไม่สามารถจัดการกับสารเคมี
เหล่านั้นได้ดีเท่ากับผู้อื่น
ไลโปอิคแอซิดยังอาจช่วยป้องกันการเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรมซึ่งก่อให้เกิด
มะเร็งได้ด้วย
แม้ว่า
ยังต้องการการวิจัยเพิ่มเติม
แต่การศึกษาเกี่ยวกับไลโปอิคแอซิดในปัจจุบันก็ให้ผลที่น่าเชื่อถือผู้เขียน
(Sherry A. Rigers, M.D.)
ยังไม่สามารถนึกถึงสารอาหารอื่นที่ให้ผลดีได้เท่านี้และดูเหมือนจะไม่มีผล
ข้างเคียงแต่อย่างใด ปริมาณที่แนะนำขึ้นอยู่กับระดับของสารอาหารอื่นและความ
ต้องการปริมาณเริ่มต้นที่ดีอยู่ระหว่าง 50 ถึง 100 ม.ก. วันละ 2 ถึง 3
ครั้ง แต่ไลโปอิคแอซิดก็เหมือนกับอาหารเสริมอื่น คือ
ควรมีความสมดุลกับโปรแกรมโภชนาการ
โดยรวมทั้งหมดโดยขอคำแนะนำได้จากผู้เชี่ยวชาญ
แปลและเรียบเรียงจากเรื่อง : Lipoic Acid: All-in-One Antioxidant
โดย : Sherry A. Rogers, M.D.
วารสาร : Let’s Live ฉบับประจำเดือนพฤศจิกายน 1996
พอ.นพ. ดำรง เชี่ยวศิลป์ ที่ปรึกษาอาวุโสสภากาชาดไทย
ผู้แปล : ฉัตรตระกูล เจียจันทร์พงษ์, M.P.H. (อาหารและสุขภาพฉบับที่ 97)
กรดอัลฟ่าไลโปอิคแอซิดมีโครงสร้างประกอบด้วย
- กรดไขมันขนาดกลาง CAPRYLIC:8
- กำมะถัน
น้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์ (VIRGIN COCONUT) ประกอบด้วย
-
วิตามินอีโทโคไทรอีนอล (TOCOTRIENOL) ซึ่งมีอนุภาพสูงกว่าวิตามินอีโทโคเฟอร
อล (TOCOPHEROL) ถึง 40 – 60 เท่า มีหน้าที่ปกป้องอนุมูลอิสระ
- กรดไขมันขนาดกลาง (MEDIUMCHAIN FATTY ACID)
- CAPROIC : 6 0.4%
- CAPRYLIC : 8 7.3%
- CAPRIC : 10 6.6%
- LAURIC : 12 48%
ประโยชน์กรดไขมันขนาดกลาง 6 -12 โมเลกุล
มีหน้าที่ช่วยสร้างภูมิคุ้มกันและสามารถทำลายเชื้อโรค ทั้งแบคทีเรีย
เชื้อรา ยีสต์ โปรโตซัวและไวรัส
กรดไขมันขนาดกลางจะช่วยส่งเสริมการทำงานซึ่งกันและกัน
กระเทียม
มีสารประกอบกำมะถันมากได้แก่ ALLIN, METHYLCYSTEINE SULFOXIDE
และ R-GUUTAMYL-S-TRANS-L-PROPENY CYSTEINNE และมีสารสำคัญอื่นอีก 33 ชนิด
ประโยชน์ของกระเทียม
1.ป้องกันโรคหัวใจ ลดการอุดตันของเส้นเลือด ลดคอเลสเตอรอล เพิ่มการไหลเวียนของเลือด
2.ฟอกเลือดโดยขับสารพิษออกจากเลือด ทำความสะอาด และทำให้เลือดไหลเวียนดี ลดความดันเลือด
3.ลดความหนืดของหลอดเลือด ละลายลิ่มเลือด ซึ่งเป็นสาเหตุของอัมพฤกษ์และอัมพาตได้
4.ป้องกันโรคมะเร็งในต่อมลูกหมากถึง 50%, ลดความเสี่ยงจากมะเร็งโรคกระเพาะอาหาร, ลำไส้ใหญ่, เต้านม
5.เสริมสร้างภูมิคุ้มกันของร่างกายและยังมีฤทธิ์ในการฆ่าเชื้อโรค ไวรัส และเชื้อราอีกด้วย
6.มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระอย่างแรง และโรคเสื่อมต่างๆ
7.ปรับระดับน้ำตาลในเลือดให้ปกติ ลดไตรกลีเซอไรด์และคอเลสเตอรอล
8.ป้องกันระบบทางเดินหายใจเช่น หวัด น้ำมูกไหล
9.เป็นยาอายุวัฒนะ บำรุงสุขภาพ
![]() |
ถึงเวลา
ที่เราควรกลับมาใช้สารทรงพลังที่อยู่ในธรรมชาติ เช่นมะพร้าว กระเทียม ผัก
ผลไม้ปลอดสารพิษ ไข่ไก่ เนื้อสัตว์ต่างๆ ที่เลี้ยงแบบธรรมชาติ ความสมดุล
ความแข็งแรง มีอนามัยจะกลับมาสู่เราอีกครั้งด้วยวิธีธรรมชาติ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น