วันศุกร์ที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2557

KEYHOLE GARDEN แปลงปลูกผักพร้อมที่หมักปุ๋ยในตัว

KEYHOLE GARDEN แปลงปลูกผักพร้อมที่หมักปุ๋ยในตัว



คนเมืองบางคนมีที่ไม่มากนัก ทำแปลงปลูกผักแล้ว ก็ไม่รู้ว่าจะทำที่หมักปุ๋ยตรงไหนดี บางคนก็อาจจะกลัวว่ากองหมักปุ๋ยจะดูเลอะเทอะ ดูไม่งามตาเท่าไหร่ ก็เลยไม่ทำ เทคนิคการทำสวนผักแบบ KEYHOLE ที่นำมาแนะนำคราวนี้ อาจเป็นคำตอบให้กับคุณก็ได้ ที่สำคัญนอกจากจะเป็นแปลงผักที่ผสานที่ปลูกผักกับที่หมักปุ๋ยไว้ด้วยกันแล้ว ยังเป็นรูปแบบการปลูกผักที่ประหยัดน้ำอีกด้วย ทำอย่างไรลองมาดูกันนะคะ
                อันที่จริงวิธีแบบ KEYHOLE นี้ ค่อนข้างได้รับการส่งเสริมอย่างแพร่หลายในแถบแอฟริกา ด้วยความที่ไม่ต้องใช้น้ำมาก และก็สามารถใช้วัสดุที่มีอยู่ในท้องถิ่นในการทำแปลงได้ รูปแบบที่เห็นส่วนใหญ่ก็จะใช้หินมาเรียงเป็นแปลง และใช้ไม้มาทำเป็นช่องรูสำหรับหมักปุ๋ยตรงกลาง อย่างไรก็ตาม รูปแบบและวัสดุที่นำมาใช้ทำแปลง และทำช่องใส่ปุ๋ย ก็สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความเหมาะสมของพื้นที่ และวัสดุอุปกรณ์ในท้องถิ่นที่แต่คนหาได้
      หลักและวิธีการสำคัญในการสร้างแปลงผักแบบ Keyholeมีดังนี้
1.  หาพื้นที่ที่เหมาะสมสำหรับการปลูกผัก คือได้รับแดดเต็มวัน หรืออย่างน้อยครึ่งวัน
2. วางแปลงเป็นรูปวงกลม เส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 6 ฟุต โดยเว้นที่ตรงกลาง ทำเป็นทางเข้ารูปสามเหลี่ยมมีปลายแหลมไปยังจุดศูนย์กลางแปลง ด้านกว้างของทางเข้าประมาณ 60 เซนติเมตร (คล้ายการตัดเค้กหรือพายออกมา)
3.  ทำช่องเป็นคล้ายท่อตรงกลางแปลง สำหรับใส่ปุ๋ย โดยท่อนี้อาจจะทำจากไม้ หรือทำจากตะแกรงก็ได้ กะให้มีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 1 ฟุต สูงประมาณ 3-4 ฟุต
4.  คราวนี้ก่อแปลงโดยรอบวงกลม อาจจะใช้หิน ใช้อิฐ ใช้ไม้ หรือวัสดุอื่นๆที่สามารถหา และสร้างสรรค์เป็นแปลงได้ มาทำ
5.   ใส่ดินที่ปรุงแล้วลงให้แปลง โดยด้านล่าง ควรหากิ่งไม้ เศษอิฐ เศษหิน มาใส่รองก้นก่อน เพื่อช่วยการระบายน้ำ ที่สำคัญวิธีการใส่ดิน ให้ดินตรงกลางสูงกว่าตรงปลายแปลง คือให้ดินลาดลงตรงปลายรอบแปลง
6.   ใส่เศษใบไม้ เศษหญ้า เศษอาหารต่างๆ ลงในท่อตรงกลางแปลง
7.  รดน้ำให้ชุ่ม ทั้งบริเวณดินในแปลง และในท่อตรงกลาง ทิ้งไว้ประมาณ 1 อาทิตย์
8.   จากนั้นเริ่มลงมือปลูกผักลงแปลงได้
 
หลังจากนั้น เมื่อมีเศษผัก เศษอาหารต่างๆ ก็นำมาทิ้งลงในท่อตรงกลางแปลงได้ตลอด แนะนำว่าอย่าใส่น้ำแกง หรือเนื้อสัตว์ลงไป เพราะอาจจะทำให้เกิดกลิ่นได้ และเพื่อป้องกันไม่ให้มีปัญหาเรื่องแมลงรบกวน เมื่อใส่เศษอาหารลงไป ก็อาจหาเศษใบไม้มากลบเล็กน้อย หรือหากระสอบมาปิดตรงปากท่อไว้ก็ได้ อย่าลืมรดน้ำลงในท่อตรงกลางนี้นะคะ  คราวนี้น้ำ และปุ๋ยหมักจากท่อตรงกลางก็จะค่อยๆหล่อเลี้ยงบำรุงให้พืชผักเจริญเติบโต
 
หากอยู่ในช่วงฤดูที่มีแสงแดดแรงมาก อาจทำโครงขึ้นมาด้านบน แล้วใช้สแลนพรางแสงช่วยก็ได้
เขาบอกว่าวิธีนี้ช่วยประหยัดน้ำได้มาก คือแทนที่จะต้องรดน้ำมากๆตรงแปลงผัก ก็รดใส่ในท่อนี้ได้เลย น้ำจะค่อยๆหล่อเลี้ยงพืชผักที่ปลูกเอง
มีรายงานผลจากประเทศแอฟริกาว่า ครอบครัวที่ทำแปลง Keyhole นี้ไว้ 3 แปลง สามารถปลูกผักไว้กินได้อย่างพอเพียงในครอบครัวที่มีสมาชิกถึง 10 คน โดยไม่ต้องพึ่งตลาดเลยทีเดียว 



ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก
http://www.inspirationgreen.com/keyhole-gardens.html
http://www.sendacow.org.uk/lessonsfromafrica/resources/keyhole-gardens
http://overgrowthesystem.com/gardening-in-africa-how-to-make-a-keyhole-garden-lesotho-style/
http://www.texascooppower.com/texas-stories/nature-outdoors/keyhole-gardening
http://www.thaicityfarm.com/autopagev4/show_page.php?topic_id=597&auto_id=29&TopicPk

ดอกไม้ไทย ตอน ดอกจำปูน

ดอกจำปูน
ดอกไม้ประจำจังหวัดพังงา

“ดอกหอมชื่นใจ ดอกอะไรกันจ๊ะ”
ผมได้ยินเสียงดังเจื้อยแจ้ว แหวกอากาศมาตั้งแต่เช้าตรู่
“พี่เห็นเขียนป้ายวางไว้บนโต๊ะ ไปหลงเสน่ห์ดอกไม้มาละซี คงจะหอมน่าดู”
ใช่ครับ ดอกไม้นี้มีกลิ่นหอมมาก เมื่อสูดดมแล้วมีกลิ่นหอมชื่นใจ แต่ไม่ใช่ดอกไม้ที่มีชื่อว่า ดอกหอมชื่นใจ
ถ้า ท่านผู้อ่านกำลังแสวงหาไม้ดอกหอม ที่มีดอกกลิ่นหอมมาก ลักษณะของกลิ่นหอมแบบหอมหวาน เบาสบาย ยิ่งสูดดมก็ยิ่งชื่นใจ ไม่มีอาการปวดศีรษะ อันเนื่องมาจากกลิ่นที่ฉุนหรือหนักเกินไป ก็ต้องขอแนะนำ ดอกจำปูน
จำปูน Anaxagorea javanica Blume เป็นพรรณไม้พื้นเมืองของไทย มีขึ้นกระจายอยู่ในภาคใต้ นับตั้งแต่จังหวัดชุมพรลงไป รวมทั้งในภาคตะวันออกของจังหวัดจันทบุรีและตราด และมีกระจายในต่างประเทศที่มาเลเซียและอินโดนีเซีย ชอบสภาพภูมิอากาศที่ชุ่มชื้น มีปริมาณน้ำฝนมากกว่า ๑,๘๐๐ มิลลิเมตรต่อปี อยู่ในที่ร่มเงา และชอบสภาพภูมิประเทศที่เป็นที่ราบ ไม่อยู่ในระดับพื้นที่ที่สูงมากเกินไป ดังนั้น ผู้ที่นำไปปลูกในพื้นที่แล้ง มีปริมาณน้ำฝนน้อยกว่า ๙๐๐ มิลลิเมตรต่อปี หรือมีอากาศแห้ง มีความชื้นในอากาศและในดินต่ำ รวมทั้งผู้ที่นำไปปลูกในพื้นที่ระดับสูง มีอากาศหนาวเย็น ซึ่งเป็นสภาพแวดล้อมที่ต้นจำปูนไม่ชอบ ทำให้จำปูนไม่เจริญเติบโต และอาจถึงขั้นตาย จึงกล่าวรวมๆ ว่าเป็นการปลูกผิดที่
หาก ท่านได้เข้าไปเดินในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาช่อง จังหวัดตรัง หรือเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโตนงาช้าง จังหวัดสงขลา อุทยานแห่งชาติเขาคิชฌกูฐ จังหวัดจันทบุรี และอุทยานแห่งชาติเขาหลวง จังหวัดนครศรีธรรมราช โดยเฉพาะตามริมลำธาร หรือตามแหล่งใกล้ๆ น้ำตกก็จะพบกับต้นจำปูน
ต้นจำปูนเป็นไม้พุ่มสูง ๑.๕-๒ เมตร แตกกิ่งยอดโน้มลู่ลง มีใบสีเขียวเข้มเป็นมัน หากท่านค่อยๆ ยกกิ่งยอดหรือกิ่งแขนงขึ้นดู ก็จะพบกับดอกจำปูน เป็นดอกกลมสีเขียวอ่อน หรือสีเขียวปนขาวนวล ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางของดอก ๑.๕-๒ เซนติเมตร มีกลีบดอกหนามากจำนวน ๖ กลีบ เรียงเป็น ๒ ชั้นๆ ละ ๓ กลีบ เมื่อได้สูดดมแล้ว ก็จะรู้สึกสดชื่น กระชุ่มกระชวย แต่ถ้ายังเป็นดอกตูม จะมีลักษณะเป็นตุ้มกลม หรือตุ้มรีๆ ซึ่งจะค่อยๆ เจริญเติบโตมากขึ้น แล้วค่อยผลิบาน ส่งกลิ่นหอมในวันถัดไป ซึ่งเป็นลักษณะที่ดีของจำปูนที่สามารถออกดอกได้เกือบตลอดปี
ในบางต้น จะมีทั้งดอกและผลอยู่ในช่วงเดียวกัน ท่านจะเห็นผลเป็นผลกลุ่ม มีผลย่อย ๔-๘ ผล แต่ละผลมีก้านผลยาว ๒.๕-๓ เซนติเมตร แล้วมีผลกลมๆ ขนาด ๑ เซนติเมตร อยู่ที่ปลายก้าน เมื่อผลแก่จัดแล้ว เปลือกผลจะแตกออกแล้วดีดเมล็ดกระเด็นไปได้ไกล เป็นวิธีกระจายพันธุ์ตามธรรมชาติของจำปูน
คงต้องยอมรับกันแล้วว่า หากท่านจะปลูกจำปูนให้เจริญเติบโตได้ดี แล้วออกดอกดก ส่งกลิ่นหอมให้ท่านสูดดมได้ชื่นใจ ท่านต้องตามใจจำปูน แล้วปลูกให้ถูกที่ มิใช่ตามใจตัวเอง แล้วปลูกจำปูนลงในพื้นที่ที่เราต้องการ (ถูกใจเรา) ซึ่งหากไม่ถูกใจจำปูนแล้ว ท่านก็อย่าหวังเลยว่า ต้นจำปูนจะยอมเจริญเติบโต แล้วออกดอกส่งกลิ่นหอมให้ท่านได้ชื่นใจ


ข้อมูลสื่อ

384-072
นิตยสารหมอชาวบ้าน 384
มกราคม 2554
ต้นไม้ใบหญ้า
ดร.ปิยะ เฉลิมกลิ่น

 

วันพุธที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2557

ดอกไม้ไทย ตอน ดอกจำปา

ดอกจำปา

 

  ดอกจำปา หรือ Magnolia champaca ซึ่งมีกำเนิดในถิ่นร้อนอย่างเอเชียใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เรานี่เอง จึงเป็นไม้ไม่ผลัดใบ ลำต้นสูงได้ราว 20-30 เมตรเนื้อไม้สีเหลืองถึงน้ำตาลอ่อนสวยงามและเหนียวทนทาน จึงนิยมใช้ในการก่อสร้างหรือทำเครื่องมือเครื่องใช้ต่างๆ ใบ รูปไข่ปลายแหลม ใบอ่อนมีขนนุ่มปกคลุม ดอกเมื่อบานสะพรั่งเต็มต้นจะส่งกลิ่นฟุ้งขจรไปไกล กลีบดอกทรงแคบยาวสีเหลืองอมส้ม จึงมีชื่อฝรั่งว่า Golden Champaca หรือ Orange Champaca ไทยเราเองก็เรียกสีเหลืองทองสุกปลั่งว่า “สีดอกจำปา” ดังบทมโหรีสมัยกรุงศรีอยุธยาว่า “สีเนื้อเจ้าจำปาทอง ใต้ฟ้าเลียบจบ ทั้งแผ่นพิภพไม่มีสอง เนื้อเจ้าจำปาทอง ใต้ฟ้าจะหายากเอยฯ”
 
จำปานี้นอกจากจะทั้งสวยทั้งหอมแล้ว ยังมีสรรพคุณทางการแพทย์ชนิดครอบจักรวาล ชาวอินเดียและฟิลิปปินส์นิยมนำกลีบดอกไปต้มดื่มแก้อาการอาหารไม่ย่อย วิงเวียนศีรษะ และเป็นไข้ กลีบจำปาแช่ในน้ำมันสามารถใช้ทาภายนอกรักษาอาการปวดศีรษะเนื่องจากการหด เกร็งของกล้ามเนื้อหรือหลอดเลือดแดงในสมองโป่งพอง รวมทั้งแก้อาการติดเชื้อในโพรงจมูก ไซนัส ไขข้ออักเสบ และโรคเก๊าท์ ใบอ่อนของต้นจำปาขยำแช่น้ำ มีสรรพคุณให้ความเย็นและฆ่าเชื้อโรค ใช้เป็นยาหยอดตาได้ น้ำคั้นจากใบใช้ผสมน้ำผึ้งดื่มบรรเทาอาการจุกเสียด ส่วนใบตำผสมน้ำมันทาแก้ปวดข้อ ใบจำปานี้ยังใช้เป็นยาเหน็บช่องคลอดเพื่อลดกลิ่นอับชื้นและแก้อาการติดเชื้อ ได้อีกด้วย เปลือกต้นมีกลิ่นหอมใช้แทนอบเชย มักนำมาเคี้ยวกับหมากเพื่อเพิ่มสรรพคุณช่วยย่อยและบำรุงหัวใจ รากแห้งและเปลือกหุ้มรากช่วยขับระดูและเป็นยาระบาย ผลและเมล็ดใช้รักษารอยแตกบนฝ่าเท้า น้ำมันสกัดจากเมล็ดใช้ทาหน้าท้อง แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ เมล็ดยังใช้เป็นยาขับพยาธิในลำไส้อีกด้วย
    
     การแพทย์แผนโบราณของไทยก็กล่าวถึงสรรพคุณอื่นๆ อีกเช่น ดอกใช้ลดความร้อนในเลือด ใช้เป็นยาบำรุงหัวใจ บำรุงประสาท บำรุงธาตุ ขับปัสสาวะ ใบรักษาโรคเส้นประสาทและแก้ป่วง รากแห้งและเปลือกหุ้มรากใช้บ่มฝี เปลือกต้นแก้คอแห้ง แก่นแก้โรคเรื้อน ยางใช้รักษาโรคริดสีดวงได้ด้วย

     การวิจัยทางวิทยาศาสตร์สมัยใหม่ยังพบว่าสารสกัดจากใบ เมล็ด เปลือกและแก่นต้นจำปามีสรรพคุณต้านเชื้อแบคทีเรียและเชื้อราหลายชนิด ทั้งยังพบสาร parthenolide และ costunolide ซึ่งมีฤทธิ์ต้านมะเร็ง นักวิจัยในประเทศอินเดียก็พบว่าสารสกัดจากดอกจำปามีสรรพคุณบรรเทาภาวะน้ำตาล ในเลือดต่ำ ซึ่งเกิดจากการรับประทานยาลดน้ำตาลในเลือดหรือการฉีดอินซูลินในปริมาณสูง เกินไป สอดคล้องกับตำราแพทย์แผนโบราณของอินเดียที่ใช้ดอกจำปารักษาอาการของโรคเบา หวานมานานแล้ว

   ส่วนสรรพคุณด้านความงามนั้น ในอินเดียใช้ดอกจำปาทำน้ำมันใส่ผมคุณภาพเยี่ยม โดยใช้กลีบดอกสดผสมคลุกเคล้ากับเมล็ดงา เพื่อให้เมล็ดงาดูดซับกลิ่นหอมและเปลี่ยนดอกใหม่ไปเรื่อยๆ จนกว่าจะได้กลิ่นเข้มข้น จากนั้นนำเมล็ดงาไปผ่านกระบวนการบีบเย็นเพื่อสกัดน้ำมัน ก็จะได้น้ำมันใส่ผมที่มีทั้งคุณค่าบำรุงและกลิ่นหอมจากดอกจำปา น้ำคั้นจากใบจำปาผสมน้ำมันมะพร้าวใช้ทาหนังศีรษะแก้รังแคได้ เปลือกต้นก็ใช้ป่นเป็นผงผสมน้ำมันมะพร้าวสำหรับทาหนังศีรษะกำจัดเหา ส่วนประโยชน์ด้านอื่นๆ นั้น เกษตรกรที่ทำสวนมะพร้าวก็สามารถปลูกต้นจำปาไว้ใกล้ๆ เพราะกลิ่นหอมจากดอกสามารถไล่ด้วงแรดที่เป็นศัตรูพืชตัวฉกาจได้ดีนัก สีเหลืองอมส้มของดอกจำปาใช้ย้อมผ้าได้ด้วยเช่นกัน

   ดอกจำปานี้เป็นที่ยกย่องในโลกตะวันตกด้วย ดังจะเห็นว่าหัวน้ำมันดอกจำปา หรือ champaca absolute นั้นได้รับความนิยมมากไม่แพ้หัวน้ำมันดอกไม้ชนิดอื่นๆ ฝรั่งนักผสมน้ำหอมเดี๋ยวนี้ก็หันมาสนใจกลิ่นหอมของดอกไม้จากแดนไกลมากขึ้น เพราะให้กลิ่นเข้มข้นเย้ายวนที่สื่อถึงความหรูหรารุ่มรวยได้เป็นอย่างดี จึงมีการใช้กลิ่นจำปาเป็นส่วนผสมในน้ำหอมต่างๆ มากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งที่เป็นแบรนด์ประเภท mainstream หรือที่มีขายทั่วไปตามเคาน์เตอร์ในห้างสรรพสินค้าชั้นนำ รวมทั้งแบรนด์จำพวก niche ที่หาซื้อได้ยากกว่า แต่คุณภาพกลิ่นโดยรวมนั้นถือว่าดีกว่า ซึ่งก็แน่นอนว่าราคาย่อมแพงตามไปด้วย ตัวอย่างน้ำหอมกลิ่นจำปาชั้นยอดที่ได้รับความนิยมมากจากบรรดาแฟนน้ำหอมก็คือ Champaca จาก Ormonde Jayne และ Luxe: Champaca จาก Comme des Garçons

   กลิ่นจำปามีความหอมหวานเย้ายวนคล้ายผสมผสานขึ้นจากดอกไม้หลายชนิด เช่นกระดังงาและดอกส้ม เจือกลิ่นไม้หอมหรือเครื่องเทศเล็กน้อย วิธีสกัดหัวน้ำมันจำปาที่มีประสิทธิภาพที่สุดคือ supercritical CO2 extraction หรือการสกัดด้วยคาร์บอนด์ไดออกไซด์วิกฤติยิ่งยวด รองลงมาคือการสกัดด้วยตัวทำละลาย หรือ solvent extraction กว่าจะได้หัวน้ำมันดอกจำปาเข้มข้นก็ต้องใช้ดอกจำนวนมาก จึงมีราคาแพงและใช้เฉพาะในอุตสาหกรรมน้ำหอมชั้นสูงเท่านั้น ผู้ผลิตในอินเดียมักผสมน้ำมันไม้จันทน์ลงไปในหัวน้ำมันจำปาด้วยเพื่อให้ รักษากลิ่นหอมไว้ได้นาน ไม่ระเหยไปง่ายๆ น้ำมันหอมที่ได้นี้เรียกว่า “attar

    นอกจากหัวน้ำมันดอกจำปาจะเป็นที่รู้จักดีในเมืองฝรั่งแล้ว ธูปหอมกลิ่นจำปาจากอินเดียก็เป็นที่นิยมเช่นกัน เรียกว่า Nag Champa incense ธูปหอมนี้สมัยก่อนคงใช้กลิ่นจำปาแท้ๆ เป็นส่วนผสม แต่ปัจจุบันใช้ยางที่ได้จากต้นมะยมป่าหรือมะยมหอม (Ailanthus malabarica) แทน และเติมกลิ่นไม้จันทน์ ยางไม้และสมุนไพรหอมอีกหลายชนิด หาซื้อได้ง่ายและราคาย่อมเยากว่าน้ำมันดอกจำปามาก

   ทางสุคนธบำบัดหรือ aromatherapy ถือว่ากลิ่นจำปามีสรรพคุณคลายความเครียด ทำให้จิตใจสงบและหายใจสะดวก เสริมสร้างความเชื่อมั่นและการมองโลกในแง่ดี กระตุ้นการไหลเวียนของพลังงานไปสู่หัวใจ ปรับสมดุลฮอร์โมนเพศในร่างกาย บรรเทาอาการผิดปกติในช่วงก่อนมีประจำเดือนและในผู้หญิงวัยทอง น้ำมันดอกจำปานี้สามารถใช้หยดในอ่างอาบน้ำหรือใช้นวดตัว ช่วยให้ผิวนุ่มเนียน ลดเลือนริ้วรอย บรรเทาอาการระคายเคือง ช่วยกระชับผิวและควบคุมความมัน กลิ่นจำปายังมีสรรพคุณกระตุ้นอารมณ์ปรารถนาทางเพศอีกด้วย การจุดเทียนหอมหรือเผาน้ำมันดอกจำปาในเตาน้ำมันหอมระเหยจะช่วยเพิ่มบรรยากาศ โรแมนติคในค่ำคืนพิเศษของคู่รักได้อย่างดี

ขอบคุณข้อมูลจาก

sangkae.Blog
และรูปภาพสวยๆจากอินเตอร์เนต