วันอังคารที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

เรียวขาสาวด้วยแว็กช์น้ำมันมะพร้าว

   ครีมกำจัดขนสูตรน้ำมันมะพร้าวเป็นทางเลือกหนึ่งที่ปลอดภัยหายห่วงเรื่องอาการแพ้



ส่วนผสม

น้ำมันมะพร้าว  1/2 ถ้วย









แป้ง Besan 1 ถ้วย











ขมิ้นชันผง 1 ช้อนชา









วิธีทำ

   ผสม แป้ง  Besan กับ ขมิ้นชันผง  ให้เข้ากันจากนั้นค่อยๆเติมน้ำมันมะพร้าวลงไปคนจนเป็นเนื้อแป้งข้นเหนียว พักไว้

วิธีใช้

  1.หลังอาบน้ำ ซับขาด้วยผ้าสะอาด จากนั้นทาส่วนผสมทั่วบริเวณขาที่ต้องการกำจัดขน
  2.รอจนส่วนผสมแห้ง ต่อยๆขัดออกด้วยมือหรือผ้าโดยขัดเป็นวงกลมขนจะหลุดออกมากับแป้ง
  3.ล้างออกด้วยน้ำสะอาด เช็ดให้แห้ง ทาน้ำมันมะพร้าวบางๆจะข่วยให้ผิวนุ่มชุ่มชื่อนขึ้น


ขอบคุณข้อมูลดีๆจาก

หนังสือ ประโยชน์มหัศจรรย์ น้ำมันมะพร้าว


 

คุณประโยขน์ แป้ง Besan

แป้ง Besan   

เป็นส่วนประกอบในการทำขนมของชาว อินเดีย ปากีสถาน เนปาล และบังคลาเทศ ที่อาจจะไม่เป็นที่คุ้นหูกันนัก เพราะมีชื่อเรียกที่หลากหลายทั้งแป้งกรัม และแป้งถั่วลูกไก่ (Chickpea Flour) ซึ่งมีคุณประโยชน์มากมายต่อผิวพรรณโดยที่คุณอาจคาดไม่ถึง


สูตรลับสำหรับผิวตั้งแต่รุ่นคุณยาย

          แต่เดิมนั้น เจ้าสาวที่เตรียมเข้าพิธีแต่งงานจะใช้แป้งกรัม ขมิ้น และนม ผสมกันเพื่อบำรุงผิวพรรณให้สวยเนียนเปล่งปลั่งก่อนเข้าพิธีแต่งงานจริง ส่วนเด็กทารกผู้หญิงจะถูกใช้แป้งกรัมและนมเช็ดถูไปตามตัวก่อนอาบน้ำ เพื่อลดปริมาณขนตามร่างกายไม่ให้เกิดขึ้นเยอะ จึงไม่แปลกใจเลยว่าคุณรุ่นก่อน ๆ มีผิวพรรณดูสวยเปล่งปลั่งโดยที่ไม่จำเป็นต้องใช้สกินแคร์ราคาแพงเหมือนคนยุค ปัจจุบัน 

มาส์กผิวสว่างกระจ่างใส

          สำหรับสาว ๆ ที่กังวลเรื่องสีผิวไม่สม่ำเสมอหรือผิวหมองคล้ำจากแดด ก็อาจจะบำรุงหน้าให้ดูสว่างกระจ่างใสมากขึ้นได้ ด้วยการใช้แป้งกรัม 1/2 ช้อนชา, ขมิ้นผง 1/4 ช้อนชา และนมสดที่ไม่ได้ต้มมาผสมกัน จากนั้นนำมามาส์กใบหน้าและลำคอ รวมทั้งเน้นที่ผิวมีปัญหาสีไม่สม่ำเสมอ จากนั้นทิ้งไว้ให้แห้งจนรู้สึกว่าตึงผิวแล้วค่อยล้างออกด้วยน้ำอุ่น นอกจากนี้ยังสามารถใช้บำรุงตรงข้อศอก รอบดวงตา ใต้วงแขน และหัวเข่า เพื่อให้สีผิวที่คล้ำกลับดูขาวกระจ่างใสอย่างเป็นธรรมชาติได้ด้วย

มาส์กลดปัญหาสิว

          ปัญหาสิวอันน่ารำคาญใจ สามารถกำจัดได้ด้วยการนำแป้งกรัม 2 ช้อนชามาผสมกับไข่ขาว 1 ฟอง จนได้เนื้อมาส์กที่ฟูนุ่ม แล้วนำมามาส์กไว้บนหน้าประมาณ 15 นาที จึงล้างออก ก็จะช่วยขจัดความมันจากรูขุมขน ที่เป็นสาเหตุของการเกิดสิวได้ชะงัด หรือถ้าต้องการกำจัดปัญหารอยสิวที่กวนใจ ก็ทำได้โดยการนำน้ำแตงกวามาผสมกับแป้งกรัม แล้วนำมามาส์กหน้า 2 วันต่อครั้ง จะช่วยให้รอยสิวค่อย ๆ จางลงไปได้

มาส์กขจัดปัญหาหน้าแห้งผาก

          สาว ๆ คนไหนที่มีปัญหาหน้าแห้งเป็นขุย แม้ว่าจะบำรุงมากเท่าไรก็ยังแห้งผากอยู่ ให้นำแป้งกรัม 1 ช้อนชา, นมผง 1 ช้อนชา, น้ำผึ้งครึ่งช้อนชา และน้ำมะนาวเพียงเล็กน้อยมาผสมรวมกัน นำมามาส์กหน้า เพียงเท่านี้ใบหน้าแห้ง ๆ ของคุณก็จะดูชุ่มชื้นมีน้ำมีนวลขึ้นเป็นกอง

ครีมโฟมล้างหน้าเพื่อหน้าสะอาดใส

          หากรู้สึกว่าผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่มีขายตามท้องตลาดใช้แล้วก็ไม่ได้ผล ลองมาทำครีมล้างหน้าใช้เองด้วยการใช้แป้งกรัม 1 ช้อนชา, ผงขมิ้น 1 ช้อนชา, ผงไม้จันทน์ 1 ช้อนชา น้ำกุหลาบเล็กน้อย และอาจจะเพิ่มครีมสดไปด้วย 1 ช้อนชา เพื่อความฟูนุ่มของเนื้อครีมล้างหน้า จากนั้นนำมานวดวนเป็นวงกลมทั่วหน้าให้รู้สึกผ่อนคลาย แล้วล้างออกด้วยน้ำเย็น แต่หากใครหน้ามันก็อาจใช้นมสดแทนครีมสดได้ ส่วนคนที่อยากได้เนื้อสครับก็อาจจะข้ามการใส่ครีมสดหรือนมสดไปได้





ข้อมูลจาก

http://women.kapook.com/view92319.html
 

DIY.ไนต์ครีมน้ำมันมะพร้าวย้อนวัยสาว



ไนต์ครีมน้ำมันมะพร้าว

 สตูรนี้เหมาะสำหรับผู้มีปัญหาผิวแห้ง หรือทำไว้ใช้เมื่อเข้าสู่หน้าหนาว สตูรนี้จะเพิ่มความชุ่มชืาน เปลี่ยนผิวหน้าของคุณให้เนียนนุ่ม น่าสัมผัส ราวกับผิวเด็กและสดใสขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ

ส่วนผสม

น้ำมันมะพร้าว  1 ข้อนโต๊ะ


 เชียร์บัตเตอร์  3 ช้อนโต๊ะ


 ทีทรีออยล์  2-3 หยด


วิธีทำ

1.ผสมน้ำมันมะพร้าวกับเชียร์บัตเตอร์ โดยใช้หลังช้ินค่อยๆบดจนเข้ากันดี
2.หยด ทีทรีออยล์ ลงไปผสมให้เข้ากัน

วิธีใช้

  ก่อนนอน หลังอาบน้ำ ทาครีมบนผิวหน้าและลำคอ นวดจนเนื้อครีมซึมเข้าสู่ผิว เมื่อตื่นขึ้นมาในตอนเช้าจะรู้สึกได้ว่าผิวหน้าเนียนนุ่ม ใช้ได้บ่อยครั้งเท่าที่ต้องการ



Tea Tree Oil คือ

Tea Tree Oil คือ น้ำมันที่ได้จากการกลั่นส่วนใบของต้น Tea Tree หลายคนอาจสงสัย

    ว่าต้น Tea Tree คืออะไร Tea Tree เป็นพืชพื้นเมืองของประเทศออสเตรเลีย มักพบในบริเวณ
ชายฝั่งทางเหนือของ New South Wales ประเทศออส เตรเลีย เป็นแหล่งผลิต Tea Tree Oil ที่
ใหญ่ที่สุดในโลก (ประมาณ 99% ของ Tea Tree Oil ผลิตจากประเทศออสเตรเลีย) โดยมีปริมาณ
การผลิตถึง 400 ตันต่อปีและมีมูลค่าการส่งออกสูงถึง 18 ล้านเหรียญดอลล่าร์สหรัฐต่อปี Tea Tree
Oil
ส่วนใหญ่จะส่งออกไปยังทวีปอเมริกาเหนือและทวีปยุโรป แต่ในปัจจุบันหลายประเทศต้องการ
มีส่วนแบ่งทางการตลาดจากประเทศออสเตรเลีย โดยเริ่มมีโครงการผลิต Tea Tree Oil จากประเทศ
ต่าง ๆ เช่น จีน อินเดีย เวียตนาม มาเลเซีย และอินโดนีเซีย เป็นต้น




Tea Tree Oil มีชื่อวิทยาศาสตร์ คือ Melaleuca alternifolia เป็นพืชในวงศ์ Myrtaceae
ชอบอาศัยอยู่บริเวณที่มีความชุ่มชื้น เพราะฉะนั้นการปลูกต้น Tea Tree ให้ได้ oil ที่มีทั้งคุณภาพ
และปริมาณที่ดีนั้น จะต้องปลูกบนพื้นดินที่มีความอุดมสมบูรณ์และมีระบบการชลประทานที่ดี
ปริมาณ oil ที่พบในใบจะแตกต่างกันตามฤดูกาล โดยในช่วงฤดูร้อน (เดือนกันยายนถึงตุลาคม)
จะเป็นช่วงที่ใบมีปริมาณ oil มากที่สุด ส่วนในฤดูหนาวพบว่าปริมาณ oil จะลดลง
ในสมัยก่อนชาว Aborigines ซึ่งเป็นชาวพื้นเมืองของประเทศออสเตรเลีย ใช้ใบของ Tea Tree
เพื่อลดไข้บรรเทาอาการปวดศีรษะและอาการปวด อื่น ๆ รวมทั้งยังมีสรรพคุณในการไล่แมลง
อีกด้วย
ในปัจจุบัน มีการนำ Tea Tree Oil มาใช้เป็นส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ อย่าง
แพร่หลาย เช่น เป็นส่วนผสมในแชมพู ครีมนวดผม สบู่ ครีม และโฟมล้างหน้า เป็นต้น
สารประกอบใน Tea Tree Oil มีมากกว่า 100 ชนิด ซึ่ง 50-60% ของ Tea Tree Oil จะเป็นสารพวก Terpenes (pinenes, terpinene และ cymene) และ Sesquiterpenes โดยพบ
Terpinen-4-ol ซึ่งเป็นสารสำคัญ มีฤทธิ์ antimicrobial activity Tea tree Oil ที่มีคุณภาพ
ดีจะต้องมีปริมาณ Terpinen-4-ol ไม่ต่ำกว่า 30%

ผลทางด้านความปลอดภัย
นักวิจัยที่ University of Western Autralia พบว่า การใช้ Tea Tree Oil ทาบริเวณ ผิวหนัง
เป็นระยะเวลานาน จะทำให้เกิดอุบัติการณ์การแพ้ทางผิวหนังน้อยมาก แต่ Tea Tree Oil สามารถเกิด
ขบวนการ oxidation ซึ่งก่อให้เกิด peroxides ซึ่งสามารถทำให้ผิวหนังระคายเคืองได้ แต่ขบวนการ
oxidation จะเกิดขึ้นเนื่องจากการเก็บที่ไม่เหมาะสม ฉะนั้นควรเก็บไว้ในที่เย็น ไม่สัมผัสแสง อุณหภูมิ
ไม่ร้อนจนเกินไปเพื่อหลีกเลี่ยงขบวนการ oxidation

ฤทธิ์ทางเภสัชวิทยา
1. Broad Spectrum Antimicrobial
  Gram Positive Bacteria  MIC*
 Bacillus subtilis  0.4%
 Propionibacterium acnes  0.5%
 Staphylococcus aureus  0.2%
 M.R.S.A.  0.5%
 Staphylococcus epidermis  0.5%
  Gram Negative Bacteria  MIC
 Escherichia coli  0.2%
 Klebsiella pneumonia  0.3%
 Proteus vulgaris  0.3%
 Pseudomonas aeruginosa  >0.1%
  Fungi and Yeasts  MIC
 Aspergillus niger  0.4%
 Candida albicans  0.2%
 Pityrosporum ovales  0.2%
 Trichophyton mentagrophytes  0.4%
* Minimum inhibitory concentration for pharmaceutical grade Tea Tree oil
2. Mild Anti-inflammatory Action
มีงานวิจัยที่แสดงว่า Tea Tree Oil ความเข้มข้น 0.05% สามารถยับยั้งการหลั่ง
superoxide จาก neutrophils ในเซลล์เพาะเลี้ยงได้ จากกลไกนี้สามารถช่วยบรรเทาอาการผื่นคัน
ผื่นแดง การระคายเคืองทางผิวหนังได้
3. Antifungal
นักวิจัยแห่ง University of Western Australia พบว่า Tea Tree Oil ความเข้มข้น
0.06-0.5% สามารถยับยั้งการเจริญของเชื้อ Candida, Cryptococcus, Rhodotorula,
Saccharomyces และ Trichospron ได้
สำหรับเชื้อราพวก Dermatophytes เช่น Epidermophyton, Microsporum และ Trichophyton
ซึ่งก่อให้เกิดโรคกลาก เกลื้อน น้ำกัดเท้า พบว่า Tea Tree Oil ความเข้ม 0.004-0.06%
สามารถยับยั้งการเจริญของเชื้อเหล่านี้ได้

เอกสารอ้างอิง
1. http://www.rirdc.gov.au
2. http://www.drwellness.net
3. http://www.uq.net.au
4. http://www.positivehealth.com

มารู้จัก SHEA BUTTER กัน

    Shea butter อ่านว่า Shee (ชี) หรือ Shay (เชย์ ... เหมือน pay เพย์) ก็ได้ ... shea butter เนี่ย เป็นที่รู้จักในกลุ่ม africans มานานแสนนาน ... ใช้กับผิวหัวจรดเท้า ใช้กับเส้นผมก็ได้ 
       Shea butter ได้จากต้น Shea-Karite ขึ้นแถวๆ เส้นศูนย์ศูตรในทวีป Africa


 Shea butter เนี่ย สกัดมาจากเม็ด (nut) จากต้น Shea-Karite ... shea nuts อุดมไปด้วย fatty acid ซึ่งสามารถนำมาทำเป็น butter (เนย) ได้ ... ซึ่งเค้าว่ากันว่าดีกว่า cocao butter หลายเท่านัก

   วิธีทำก็เริ่มต้นจากการปอกเปลือก (ต้องทุบให้แตกออก เพราะเปลือกแข็ง) จากนั้นก็เอาไปคั่ว และบดให้ละเอียด (ใครเคยทำ pure peanut butter คงนึกออก) จากนั้นก็เอาไปเคี่ยว หรือกวน (ใส่น้ำด้วย) หลายชั่วโมงอยู่ ... จนเริ่มแยกชั้นเป็นเนยออกมา (อยู่ชั้นบน) ... จากนั้นก็ตักส่วนที่เป็นเนย ที่ลอยอยู่ด้านบน ออกมา ปล่อยให้เย็นและเซ็ตตัว ... shea butter จะแข็งตัวในอุณหภูมิห้อง ... และจะเปลี่ยนเป็นของเหลวที่อุณหภูมิร่างกาย ... ใครเคยใช้จะทราบ ... เห็นแข็งๆ ในกระปุก ... พอป้ายๆ จากกระปุก แล้วนวดๆ ที่ผิว จะลื่น (ละลาย) กลายเป็นน้ำมันไปเลย ... shea butter ที่ได้จากกระบวนการนี้เรียกว่า unrefined shea butter หรือ raw shea butter

การแบ่งเกรดของ shea butter แบ่งออกเป็น

Shea Butter-Organic Refined , Shea Butter-Unrefined และ Skinplants Shea Butter Soft  

Shea Butter-Organic Refined ในการผลิต Shea Butter-Organic Refined จะผ่านขั้นตอนการดึงสีดึงกลิ่นออกด้วย ความร้อนและสารเคมีทำให้วิตามิน,กรดไขมันรวมถึงแร่ธาตุบางส่วนสูญเสียไปแต่ จะทำให้ได้ Shea Butter ที่มีเนื้อสีเหลืองอ่อน ๆ หรือสีขาวและมีกลิ่นเฉพาะตัวของเชียร์ค่อนข้างน้อย นิยมใช้ในสูตรการผลิตเครื่องสำอางต่าง ๆ เนื่องจากมีกลิ่นและสีอ่อนทำให้ไม่มีผลต่อสูตรสินค้าและ Shea Butter-Organic Refined นี้ในขั้นตอนการเพาะปลูก,การเก็บเกี่ยวรวมถึงสารเคมีที่ใช้ในขั้นตอนการผลิต จะอยู่ภายใต้มาตรฐานออแกนิคของสถาบัน ECOCERT ประเทศฝรั่งเศส


Shea Butter-Unrefined ในการผลิต Shea Butter-Unrefined จะแตกต่างจาก Shea Butter-Organic Refined คือ Shea Butter-Unrefined ไม่ผ่านขั้นตอนการดึงสีดึงกลิ่นออกด้วย ความร้อนและสารเคมีทำให้มีความเป็นธรรมชาติสูงรวมถึงวิตามิน,กรดไขมันและแร่ ธาตุยังอยู่ครบแต่จะทำให้ได้ Shea Butter ที่มีเนื้อสีเหลืองและมีกลิ่นเฉพาะตัวของเชียร์แรงกว่า Shea Butter-Organic Refined


Skinplants Shea Butter Soft คือ การนำ Shea Butter-Organic Refined มาผ่านขั้นตอนการผลิตที่ลับเฉพาะทำให้ได้เนื้อสัมผัสที่เนียนนุ่ม บางเบา ซึมซาบเข้าสู่ผิวได้ดี ใช้งานง่าย แต่ยังคงคุณค่าของวิตามินและแร่ธาตุของ Shea Butter-Organic Refined เช่นเดิม


วิธีการเก็บรักษา
วัตถุดิบกลุ่ม Butter สามารถเก็บที่อุณหภูมิห้องปกติ ไม่จำเป็นต้องเก็บในตู้เย็น แต่ต้องหลีกเลี่ยงการเก็บในที่ร้อนหรือโดนแสงแดดส่องโดยตรง

ประโยชน์ของ  Shea Butter 7ประการ


1. อุดมไปด้วยวิตามินเอ

          ไม่แปลกใจเลยว่า ทำไมสาว ๆ หลายคนเลือกบำรุงผิวด้วยเชียร์ บัตเตอร์ ก็เพราะมันอุดมไปด้วยวิตามินเอในธรรมชาติ ซึ่งสามารถช่วยลดเลือนริ้วรอยและป้องกันริ้วรอยให้เกิดขึ้นช้าลงได้ด้วย ใครที่กลัวผิวหนังเหี่ยวย่นหรือแก่ก่อนวัย อย่ารอช้ารีบเลือกเชียร์ บัตเตอร์มาบำรุงผิวเลยจ้า

2. อุดมไปด้วยวิตามินอี

          นอกเหนือไปจากวิตามินเอแล้ว แต่ในเชียร์ บัตเตอร์ก็ยังอุดมไปด้วยวิตามินอี ที่สาว ๆ หลายคนชอบนำมาบำรุงเพื่อให้ผิวนุ่มชุ่มชื้นอีกด้วย อีกทั้งในสกินแคร์และครีมบำรุงผิวส่วนใหญ่ก็มีส่วนผสมของวิตามินอี ที่ทำหน้าที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระและช่วยปกป้องผิวไม่ให้แห้งเสียจากการ โดนแสงแดดทำร้าย

3. ช่วยรักษาโรคผิวหนัง

          เชียร์ บัตเตอร์ ก็เปรียบเหมือนกับเป็นมอยเจอร์ไรเซอร์ที่ช่วยให้ผิวชุ่มชื้นและรักษาโรคผิว หนังไปด้วยในคราวเดียวกัน ซึ่งในเชียร์ บัตเตอร์มีวิตามินหลากหลายชนิดและกรดไขมัน ที่จะช่วยรักษาโรคผิวหนังเมื่อเกิดอาการคันหรือมีผื่นแดง นอกจากวิตามินหลากหลายและกรดไขมันแล้ว เชียร์ บัตเตอร์ยังมีคุณสมบัติช่วยต่อต้านการอักเสบอีกด้วย

4. มีกรดซินนามิกช่วยป้องยูวี

          รู้หรือไม่ว่า ในเชียร์ บัตเตอร์มีกรดซินนามิก ที่จะช่วยปกป้องผิวจากรังสียูวีตัวการร้ายทำลายผิว โดยอาจพูดได้ว่าเชียร์ บัตเตอร์คือครีมกันแดดจากธรรมชาตินั่นเอง อีกทั้งยังมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระและช่วยฟื้นฟูเซลล์ใหม่ ซึ่งจะช่วยทำให้ผิวของคุณดูเปล่งปลั่งอ่อนเยาว์

5. มีกรดไขมันที่เป็นประโยชน์

          ในเชียร์ บัตเตอร์ ประกอบด้วยกรดไขมัน 5 ชนิด ทั้งกรดปาลมิติ (Palmitic Acid), กรดสเตียริก (Stearic Acid), กรดโอเลอิก (Oleic Acid), กรดไลโนเลอิค (Linoleic Acid) และกรดอะราคิโดนิก (Arachidonic Acicd) ซึ่งกรดเหล่านี้แหละจะช่วยให้คุณมีผิวยืดหยุ่นและอ่อนนุ่มน่าสัมผัส

6. ช่วยรักษาสิว

          แม้ว่าในเชียร์ บัตเตอร์จะอุดมไปด้วยกรดไขมัน แต่มันก็ยังเป็นมอยเจอร์ไรเซอร์ที่ดีเริดต่อผิวเป็นสิว เพราะมันจะไม่เข้าไปอุดตันรูขุมขน อีกทั้งยังมีคุณสมบัติต่อต้านเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งจะต่อต้านกับเชื้อโรคที่ทำให้เกิดสิว ที่สำคัญเชียร์ บัตเตอร์ยังช่วยลดรอยแดงรอยดำที่เกิดจากสิวด้วยนะ

7. บรรเทาผิวหนังที่ด้านหนา

          ผิวหนังที่ด้านหนา อย่างพวกตามข้อศอก ตาตุ่ม หรือในส่วนต่าง ๆ ที่ไม่อ่อนนุ่ม เมื่อสัมผัสไปแล้วก็รู้สึกรำคาญใจ ปัญหานี้สามารถใช้เชียร์ บัตเตอร์เข้ามาช่วยให้ผิวอ่อนนุ่มลงได้ ใครที่มีปัญหานี้ก็ลองนำเชียร์ บัตเตอร์มาบำรุงผิวดูนะคะ รับรองว่านุ่มน่าสัมผัสกว่าเดิมแน่นอน


ขอบคุณทุกข้อมูลจาก

http://buytropicalife.com/shea-butter-organic-refined.html

http://women.kapook.com/view92714.html

 

วันพุธที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2557

พอล ซอร์ซี่ บิดาแห่งน้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์บีบเย็น

พอล ซอร์ซี่

บิดาแห่งน้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์บีบเย็น

 

ดร.บรูซ ไฟฟ์ นักโภชนศึกษาผู้แต่งหนังสือ Coconut Cures เขียนคำอุทิศไว้ในหนังสือของเขาว่า
" ขอมอบหนังสือเล่มนี้เป็นอนุสรณ์แด่ พอล ซอร์ซี่ และวิสัยทัศน์ของเขา ในการเผยแพร่สรรพคุณการรักษาของน้ำมันมะพร้าวไปทั่วโลก "
 
พอร์โฟริโอ (พอล) ซอร์ซี่ เกิดที่ฟิลิปปินส์เมื่อวันที่ 2 ตุลาคม 1895 เป็นบุตรคนที่สองในจำนวนพี่น้องห้าคน พ่อของพอลเป็นนักเทศน์ในคริสตศาสนานิกายโปรแตสแตนต์ เมื่อลูกบ้านป่วย พ่อของพอลจะรักษาพวกเขาด้วยน้ำมันมะพร้าวซึ่งเป็นยาพื้นบ้านที่ใช้กันมาจน เป็นประเพณีอยู่ในฟิลิปปินส์ขณะนั้น เขาทำน้ำมันมะพร้าวด้วยตนเองโดยอาศัยวิธีการที่สืบทอดกันมาจากพ่อของพ่อของ พ่อ พอลได้เรียนรู้วิธีทำน้ำมันมะพร้าวสดบริสุทธิ์จากที่นั่น
 
ชีวิต วัยเด็กของพอลทำไร่ทำนาอยู่ที่บ้าน จนกระทั่งเกิดสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง ราชนาวีสหรัฐเริ่มเกณฑ์ชาวฟิลิปปินส์เข้ารับราชการทหาร (ขณะนั้นฟิลิปปินส์เป็นดินแดนภายใต้อาณัติของอเมริกา) พอลหนุ่มจึงสมัครเข้าเป็นพ่อครัว เขารับใช้กองทัพเรืออยู่สามปี ภายหลังสงครามโลกยุติ พอลลาออกจากทหารมาทำงานเป็นพ่อครัวอยู่ในเรือพาณิชย์จนกระทั่งปี 1925 หลังจากนั้นพอลย้ายไปนิวยอร์ค อาศัยในหมู่บ้านกรีนวิชกับเพื่อนๆชาวฟิลิปปินส์ของเขา ฝีมือพ่อครัวของเขาได้รับการฝึกฝนให้ดียิ่งขึ้นเมื่อเขาได้เข้าทำงานใน โรงแรมหรูอย่าง วอลดอร์ฟแอสโตเรีย พอลยังเคยทำงานให้กับตระกูลมั่งคั่งหลายตระกูล โดยเป็นทั้งพ่อครัว คนขับรถ และพ่อบ้าน พอลจะปรุงหารรสอร่อย คอยดูแลลูกเจ้านาย รวมทั้งดูแลสัตว์เลี้ยงและรถยนต์
 
ครั้ง หนึ่งเขาทำงานให้ตระกูลไครสเลอร์ โอกาสหนึ่งพอลเล่าว่า เจ้านายบอกพอใจในผลงานของเขาและเขาสมควรได้รับรางวัล จากนั้นไม่นาน เจ้านายของพอลตายด้วยเหตุเครื่องบินส่วนตัวตก เขาทิ้งเงินไว้ให้พอลก้อนหนึ่งที่พอลอธิบายว่าเป็น"เงินก้อนใหญ่" ส่วนจะใหญ่แค่ไหนนั้นผมไม่เคยรู้ แต่สงสัยว่าไม่น่าจะใช่แค่สองพันสามพันเหรียญ จากการที่รู้อยู่แล้วว่าพอลดำเนินชีวิตอย่างมัธยัสถ์เพียงไร เงินจำนวนนี้น่าจะทำให้พอลเป็นหลักเป็นฐาน แต่พอลกลับมอบมันแก่เพื่อนชาวฟิลิปปินส์ของเขา เพื่อนำไปใช้เป็นทุนเข้าศึกษาที่คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยโคลัมเบียโดยไม่หวังจะได้คืน เขาบอกกับเพื่อนของเขาว่า เมื่อเป็นแพทย์ที่มีชื่อเสียงแล้วให้นำเงินไปช่วยเหลือพี่น้องชาวฟิลิปปินส์ ต่อไป นี่แหละพอล คอยช่วยเหลือผู้อื่นอยู่เสมอ
 
พอ ลเริ่มทำน้ำมันมะพร้าวเพื่อช่วยเหลือผู้คนที่เจ็บป่วย เหมือนกับที่พ่อของเขาเคยทำ อย่างไรก็ดี น้ำมันมะพร้าวของพ่อของเขาทำด้วยวิธีโบราณ มีส่วนผสมของน้ำปนอยู่มาก เก็บไว้ได้แค่สองสามสัปดาห์ก็เหม็นหืน พอลจึงปรับปรุงสูตรดั้งเดิมของพ่อเขาเสียใหม่โดยสกัดน้ำออกทั้งหมด ทำให้สามารถเก็บรักษาได้นานไม่จำกัด ใช้แล้วลื่นกว่า และแทรกซึมผ่านผิวหนังได้ง่ายกว่ามาก
 
พอ ลเกษียณในปี 1952 เมื่อมีอายุครบ 57 เขาตัดสินใจทำน้ำมันมะพร้าวของเขาออกขายแบบเต็มเวลา "เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีประโยชน์, ตอบสนองความต้องการของมนุษย์" พอลกล่าว "มันทำให้คุณมีความสุข, สุขภาพแข็งแรง, และงดงาม, มันแทรกซึมผ่านรูขุมขน, เข้าสู่ศูนย์กลางประสาท ช่วยให้อายุยืนยาว สุขภาพดี" ช่วงชีวิต 45 ปีที่เหลือต่อมาของพอลอุทิศให้กับ การเผยแพร่วิธีส่ร้างเสริมสุขภาพด้วยน้ำมันมะพร้าวของเขา
 
ชื่อเสียงของพอลและน้ำมันมะพร้าวเป็นที่รู้จักกันดีทั่วทั้งเมือง หนังสือพิมพ์หลายฉบับตีพิมพ์เรื่องของพอลและน้ำมัน'โคเพียว' (น้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์) ของเขา บริษัทผลิตเครื่องสำอางยักษ์ใหญ่สองสามบริษัทเสนอซื้อสูตรลับการทำน้ำมัน มะพร้าว แต่พอลปฏิเสธไปทั้งหมด การได้ลงมือทำพร้อมกับควบคุมคุณภาพด้วยตัวเองเป็นสิ่งสำคัญกว่าการได้มาซึ่ง เงินทอง
 
ผู้ คนทั่วทั้งนิวพอร์ทต่างมาหาเขาเพื่อซื้อน้ำมันมะพร้าวหรือมาขอคำปรึกษา เกี่ยวกับปัญหาสุขภาพ การรักษาของพอลจะใช้น้ำมันมะพร้าวเป็นหลักเสมอ มันเป็นผลิตภัณฑ์ชิ้นเดียวที่เขาขาย ลูกค้าของพอลมาจากทุกสาขาอาชีพ นอร์ม่า เทเลอร์ โปรเทนนิสเป็นลูกค้าประจำเช่นเดียวกับ ดิ๊ค เกรกอรี่ นักเขียนเรื่องขำขันและนักเคลื่อนไหวทางการเมือง, แคธลีน คอตตา ผู้ทำไร่สมุนไพรอยู่ที่พอร์ทสมัทธ์ จะแวะมาซื้อน้ำมันมะพร้าวคราวละสองขวด ขวดหนึ่งไว้ใช้ภายนอก อีกขวดไว้รับประทาน "เชื่อหรือไม่" เธอพูด "ฉันเหยาะมันในน้ำชาหรือกาแฟ มันเหมือนวิตะมินเลย"
 
ที่ร้าน ของพอลมักเตรียมอาหารหม้อใหญ่เผื่อไว้หนึ่งอย่างสำหรับคนที่กำลังหิว เขาจะเสิร์ฟมันแก่ลูกค้าประจำ เพื่อนสนิท หรือกับใครๆที่แวะเข้ามา ทุกๆวันจะมีชายตาบอดคนหนึ่งเดินเคาะไม้เท้ามาตามถนนเทมส์จนถึงร้านของเขา พอลจะจัดอาหารเลี้ยงดูชายตาบอดอย่างดีราวกับพระราชา เขาทำเช่นนี้ทุกวันเป็นปีๆและคิดค่าอาหารเพียงหนึ่งหรือสองดอลลาร์ ที่พอลต้องคิดเงินก็เพื่อไม่ให้ชายตาบอดรู้สึกเคอะเขิน เขายังทำเช่นนี้กับคนติดเหล้าคนหนึ่งที่โผล่มาเป็นครั้งคราว พอล เป็นชายร่างเล็กที่สูง 5 ฟุต 1 นิ้วและหนักเพียง 120 ปอนด์ แต่หัวใจของเขายิ่งใหญ่นัก
 
ธุรกิจของพอลคือน้ำมันมะพร้าวที่เขารักอย่างจริงจัง บทสนทนาของพอลถ้าไม่เริ่มต้นก็ต้องจบลงด้วยเรื่องน้ำมันมะพร้าว พอลมักพูดว่า "มะพร้าวเป็นราชาของอาหาร มะม่วงเป็นราชินี" พอลเคยยกขวดน้ำมันมะพร้าวขึ้นพร้อมพูดว่า "ความลับของการมีสุขภาพดีอยู่ในขวดนี้ คนเป็นล้านทั่วโลกต้องตายไปเพราะเจ็บไข้หรือหิวโหย รู้แล้วก็ได้แต่เศร้าใจเพราะตัวผมมีคำตอบอยู่ในมือ"
 
พอ ลไม่เคยมีกลิ่นตัวหรือกลิ่นปาก ซึ่งเป็นเรื่องน่าประหลาดใจ เพราะตลอดเวลาที่รู้จักกันมา 25 ปี พอลไม่เคยอาบน้ำฟอกสบู่เลย เขาใช้การนวดตัวด้วยน้ำมันมะพร้าวทุกวันตั้งแต่ศีรษะจรดเท้าแทน เขาจะดื่มมันเล็กน้อย ถ้าวันไหนรู้สึกไม่ดีก็จะดื่มมากหน่อย ด้วยสุขภาพและสภาวะทางร่างกายที่ดีเยี่ยม บวกกับใบหน้าที่ไม่มีริ้วรอยแม้จะอยู่ในวัย 70-80 ปีของพอลเป็นตัววัดได้อย่างดีว่าน้ำมันมะพร้าวของเขาให้ผลเช่นไร
 
พอล ซอร์ซี่
ปี 1995 พอล ซอร์ซี่ฉลองวันเกิดอายุครบ 100 ปี ได้รับเกียรติจากเทศบาลเมืองรีโฮบอทช์ แมสซาชูเซ็ท ยกย่องให้เป็นพลเมืองอาวุโสที่สุด พอลยังคงมีสติแจ่มใสและกระฉับกระเฉง เขาทำสลัดมันฝรั่งและไข่เดฟเวิลด์เลี้ยงแขกที่มาร่วมฉลองในงาน
 
พอล ซอร์ซี่เสียชีวิตเมื่อวันที่ 28 มีนาคม 1998 ด้วยวัยอันน่าทึ่ง 102 ปี คนที่รู้จักต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า เขาดูอ่อนวัยและกระฉับกระเฉงกว่าอายุ ยังคงง่วนกับการบดมะพร้าวเพื่อทำน้ำมันอย่างทะมัดทะแมงไปจนบั้นปลายชีวิต เป็นข้อยืนยันได้อย่างดีว่าน้ำมันมะพร้าวของเขาใช้ได้ผลเพียงไร พอลนับว่าเป็นผู้ค้นพบยาอายุวัฒนะที่แท้จริง
 
 
บางตอนของ The Miracle Man, Coconut Cures
เขียนโดย Bruce Fife N.D. จากคำบอกเล่าของ Jack DiSandro

 

น้ำมันมะพร้าว

น้ำมันมะพร้าว


- ความหมายของคำว่าน้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์บีบเย็น หรือกลั่นเย็น หรือสกัดเย็น
คำว่า น้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์บีบเย็น, น้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์กลั่นเย็น หรือน้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์สกัดเย็น ล้วนมีความหมายอย่างเดียวกัน มาจากศัพท์ภาษาอังกฤษว่า Virgin Cold Pressed Coconut Oil เป็นการผลิตน้ำมันมะพร้าวโดยไม่ใช้ความร้อนและไม่ใช้สารเคมี เพื่อรักษาสารที่มีประโยชน์ในเนื้อน้ำมันมะพร้าว และป้องกันไม่ให้การจับตัวกันของโมเลกุลน้ำมันมะพร้าวเปลี่ยนแปรไปจนเป็นโทษ กับร่างกาย
- น้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์บีบเย็นขนานแท้จากธรรมชาติต้องเป็นไข
น้ำมัน มะพร้าวธรรมชาติจะแข็งตัวหรือเป็นไข เมื่ออากาศหนาวเย็นที่อุณหภูมิต่ำกว่า 25°C หากไม่แข็งตัวที่อุณหภูมิดังกล่าวแสดงว่า น้ำมันมะพร้าวขวดนั้นๆถูกผ่านกรรมวิธีด้วยความร้อนหรือสารเคมี ที่ทำให้การจับตัวของโมเลกุลน้ำมันมะพร้าวเปลี่ยนแปลงไป
- การอุ่นน้ำมันมะพร้าว
เมื่อ น้ำมันมะพร้าวเป็นไข ให้นำขวดลงแช่ในน้ำอุ่นจัดแต่ไม่ถึงกับร้อน (บางท่านใช้วิธีเป่าด้วยไดร์เป่าผม) น้ำมันมะพร้าวจะกลับมาเป็นของเหลวใสดังเดิม ข้อดีของการอุ่นน้ำมันมะพร้าวคือ น้ำมันมะพร้าวอุ่นๆจะแทรกซึมผ่านผิวหนังและรูขุมขนได้ดีขึ้น
- น้ำมันมะพร้าวประกอบด้วยกรดไขมันสายปานกลาง
เนื่อง จากน้ำมันมะพร้าวมีกรดไขมันที่มีคาร์บอนในโมเลกุลเพียง 8 - 12 ตัวเป็นส่วนมาก ผิดกับน้ำมันชนิดอื่นๆที่เป็นกรดไขมันสายยาว คือมีคาร์บอนในโมเลกุลตั้งแต่ 14 ตัวขึ้นไป ข้อดีของน้ำมันมะพร้าวที่เป็นกรดไขมันสายปานกลางก็คือ ย่อยง่าย เปลี่ยนเป็นพลังงานได้เร็ว ไม่สะสมตามเซลล์ไขมันหรือเกาะตัวตามผนังหลอดเลือดเหมือนน้ำมันทั่วไป
- กรดไขมันที่พบได้ในน้ำมันมะพร้าว
ในน้ำมันมะพร้าวประกอบด้วยกรดลอริค 47.5% กรดคาปริลิค 7.8% กรดคาปริค 6.7% ที่เหลือเป็นกรดไขมันอีกหลายหลายชนิดอย่างละเล็กน้อย
- ตารางเปรียบเทียบกรดไขมันในน้ำมันมะพร้าวกับน้ำมันชนิดอื่น
 
 
- ความหมายของคำว่าไขมันอิ่มตัวและไม่อิ่มตัว
การจับ กันของโมเลกุลกรดไขมัน ถ้าจับกันแบบหลวมๆสามารถแปรเปลี่ยนได้ง่ายจะได้เป็นไขมันไม่อิ่มตัว แต่ถ้าจับกันแบบเหนียวแน่นไม่สามารถแปรเปลี่ยนได้ง่ายจะได้เป็นไขมันอิ่มตัว คำว่าอิ่มตัวหรือไม่อิ่มตัวจึงหมายถึงการจับตัวกันของโมเลกุลกรดไขมัน ไม่ได้หมายความว่าเป็นน้ำมัน ดี หรือ ไม่ดี
 
- สาเหตุที่น้ำมันมะพร้าวถูกโจมตี
เมื่อ ประมาณ 40 ปีมาแล้ว กลุ่มอุตสาหกรรมน้ำมันถั่วเหลืองในสหรัฐอเมริกาได้ออกมาใช้ผลงานวิจัยโจมตี เหมาเอาว่าน้ำมันที่เป็นไขมันอิ่มตัวทั้งหมดเป็นอันตรายต่อสุขภาพ น้ำมันมะพร้าวเป็นน้ำมันที่มีกรดไขมันอิ่มตัวสูงพลอยรับผลกระทบนี้เข้าไป เต็มๆ แน่ละว่าเป็นเหตุผลทางการตลาด แต่หน่วยงานของรัฐกลับออกมาสนับสนุนด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการ ที่ว่ารู้เท่าไม่ถึงการเนื่องจากกลุ่มอุตสาหกรรมน้ำมันถั่วเหลืองไม่ได้ระบุ ไว้ด้วยว่า ยกเว้นน้ำมันมะพร้าว (ในขณะนั้นอาจยังไม่รู้ข้อเท็จจริง)
 
- น้ำมันมะพร้าวเป็นไขมันอิ่มตัวชนิดดี
เป็นความ จริงที่ไขมันอิ่มตัวส่วนมากทำให้ระดับคอเลสเตอรอลในเลือดสูงขึ้น แต่มีไขมันอิ่มตัวบางชนิด (น้ำมันมะพร้าวและน้ำมันปาล์ม) ไม่ทำให้ระดับคอเลสเตอรอลในเลือดสูงขึ้น ในทางกลับกันยังทำให้ระดับของ HDL ซึ่งเป็นคอเลสเตอรอลดีเพิ่มขึ้น และระดับของ LDL ซึ่งเป็นคอเลสเตออลร้ายลดลง อันที่จริงน้ำมันมะพร้าวมีคอเลสเตอรอลน้อยกว่าน้ำมันชนิดอื่นๆ คือมีอยู่แค่ 14 PPM ในขณะที่น้ำมันปาล์ม, น้ำมันถั่วเหลือง, น้ำมันข้าวโพด, เนยเหลว และน้ำมันหมู มีคอเลสเตอรอลอยู่ที่ 18, 28, 50, 3150 และ 3500 PPM ตามลำดับ (PPM=1ส่วนในล้านส่วน)
 
- ข้อดีของไขมันอิ่มตัว
เพราะ ไขมันอิ่มตัวมีโมเลกุลที่จับกันอย่างแน่นหนา จึงไม่แปรสภาพหรือเสื่อมเสียได้ง่าย หากผสมน้ำมันมะพร้าวกับน้ำมันไม่อิ่มตัว น้ำมันมะพร้าวจะช่วยรักษาน้ำมันไม่อิ่มตัวนั้นให้พลอยไม่เสื่อมสภาพไปง่ายๆ ด้วย ปัจจุบันจึงมีการใช้น้ำมันมะพร้าวซึ่งเป็นไขมันอิ่มตัวชนิดดี ผสมลงในอาหารเพื่อเป็นการเก็บรักษาหรือการถนอมอาหาร
 
- ข้อเสียของไขมันไม่อิ่มตัว
ข้อเสีย ของไขมันไม่อิ่มตัวคือเสื่อมสภาพได้ง่ายนั่นเอง จึงต้องมีการนำไขมันไม่อิ่มตัวมาเพิ่มสารเคมีและให้ความร้อน ซึ่งเราเรียกว่าน้ำมันผ่านกรรมวิธี การนำน้ำมันมาผ่านกรรมวิธีทำให้เก็บรักษาได้นานขึ้นแต่ทำให้การจับตัวของ โมเลกุลกรดไขมันเปลี่ยนแปรไปเกิดเป็นกรดไขมันทรานส์ และไขมันทรานส์นี่เองที่เป็นโทษกับร่างกาย ทำให้เกิดโรคมะเร็ง เบาหวาน และโรคหัวใจ สำหรับน้ำมันมะพร้าวเป็นไขมันอิ่มตัว จึงไม่จำเป็นต้องผ่านกรรมวิธี ทำให้ไม่มีกรดไขมันทรานส์
 
- น้ำมันมะพร้าวไม่ก่อให้เกิดสารก่อมะเร็งเมื่อถูกนำไปปรุงอาหารด้วยความร้อน
ด้วยความ ที่น้ำมันมะพร้าวเป็นไขมันอิ่มตัวไม่เสื่อมสภาพหรือแปรสภาพได้ง่าย จึงไม่เปลี่ยนรูปเป็นไขมันทรานส์ที่เป็นสารก่อมะเร็งเมื่อต้องถูกกับความ ร้อนหากนำไปใช้เป็นน้ำมันทอดอาหาร ซึ่งแตกต่างจากน้ำมันพืชชนิดอื่นๆ นอกจากนี้น้ำมันมะพร้าวยังมีอัตราการเกิดโพลิเมอร์ต่ำ หมายถึงสารเหนียวที่เกิดจากการทอดด้วยไฟแรง และไม่เหม็นหืนง่ายเหมือนน้ำมันไม่อิ่มตัวทั่วๆไป
 
- น้ำมันมะพร้าวไม่เป็นโทษกับร่างกาย
พอล ซอร์ซี่ ต้นตำรับของการทำน้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์บีบเย็น บิดาของพอลเป็นแพทย์แผนโบราณ พอลจึงรับประทานน้ำมันมะพร้าวมาแต่เล็กๆทุกวันวันละ 2 ช้อน ใช้น้ำมันมะพร้าวนวดตัวตั้งแต่ศีรษะจรดเท้าทุกวัน ปรุงอาหารทุกชนิดด้วยน้ำมันมะพร้าว (พอลเป็นพ่อครัวชั้นดี เคยทำงานเป็นกุ๊กในโรงแรมหรูอย่าง วอลดอล์ฟแอสโตเรีย) พอลมีอายุยืนยาวถึง 102 ปี
 
- แร่ธาตุที่สำคัญและวิตะมินบางชนิดต้องละลายในไขมัน
แคลเซี่ ยม แม็กเนเซี่ยม เบตาแคโรทีน วิตะมิน A, D, E, K ล้วนต้องละลายในไขมันร่างกายจึงจะดูดซับไปใช้งานได้ คนเราจึงไม่สามารถขาดการบริโภคไขมัน เพราะน้ำมันมะพร้าวย่อยง่าย เปลี่ยนเป็นพลังงานได้เร็ว จึงช่วยนำแร่ธาตุและวิตะมินต่างๆเหล่านี้เข้าสู่ร่างกายได้เร็ว
 
- น้ำมันมะพร้าวช่วยเสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรง
หากร่าง กายขาดแคลเซี่ยมและแม็กเนเซี่ยม จะทำให้กระดูกไม่แข็งแรง เกิดอาการกระดูกเปราะ แตกหักง่าย การรับประทานน้ำมันมะพร้าวเป็นประจำช่วยให้ร่างกายสามารถดูดซับแคลเซี่ยมและ แม็กเนเซี่ยม จึงเป็นหนทางหนึ่งที่ช่วยเสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรง
 
- น้ำมันมะพร้าวเป็นประโยชน์กับทารกและตัวอ่อนในครรภ์
เพราะ น้ำมันมะพร้าวทำให้ร่างกายดูดซับสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย หากผู้ที่กำลังจะเป็นคุณแม่รับประทานอาหารที่ประกอบด้วยน้ำมันมะพร้าว ทารกจะได้รับสารอาหารที่จำเป็นอย่างพอเพียง นอกจากนั้นในน้ำมันมะพร้าวยังประกอบด้วยกรดลอริค ซึ่งเป็นกรดไขมันที่พบได้ในน้ำนมแม่ การรับประทานน้ำมันมะพร้าวจึงเป็นการกระตุ้นให้น้ำนมแม่อุดมไปด้วยสารอาหาร และกรดลอริคนี่เองที่มีอำนาจในการฆ่าเชื้อโรค ทำให้ทารกแข็งแรงมีภูมิคุ้มกัน
 
- น้ำมันมะพร้าวมีประโยชน์กับผู้มีปัญหาเรื่องตับ
จากที่ กล่าวแล้วว่าคนเราจำเป็นต้องรับประทานไขมัน แต่น้ำมันส่วนมากเป็นกรดไขมันสายยาวจึงย่อยยาก ต้องอาศัยน้ำดีและเอนไซม์จากตับเป็นตัวช่วยย่อย กระบวนการการย่อยไขมันจะเกิดที่ลำไส้ ผู้ที่เป็นเบาหวานตับอ่อนบกพร่อง หรือผู้ที่เคยผ่าตัดเอาถุงน้ำดีออกจะรู้กันดีว่ามีปัญหาเรื่องย่อยไขมัน สำหรับน้ำมันมะพร้าวเป็นไขมันสายปานกลาง ย่อยง่ายสามารถย่อยได้แม้ในกระเพาะอาหาร น้ำมันมะพร้าวจึงมีประโยชน์มากกับผู้มีปัญหาเรื่องตับ
 
- น้ำมันมะพร้าวถูกใช้เป็นอาหารเสริมกำลังแก่นักกีฬา
ด้วยความ ที่ย่อยง่าย ร่างกายสามารถนำไปใช้สร้างเป็นพลังงานได้เร็ว น้ำมันมะพร้าวจึงถูกนำไปทำเป็นอาหารบำรุงกำลังแก่นักกีฬาทั้งแบบชงดื่มและ แบบแท่ง ทั้งนี้ไม่เป็นการผิดกฏ เนื่องจากการใช้น้ำมันมะพร้าวช่วยเพิ่มพลังงานไม่มีผลตกค้างและผลข้างเคียง แบบการใช้ยาหรือการใช้สารกระตุ้น
 
- น้ำมันมะพร้าวกับการทำงานของต่อมไทรอยด์
บางขณะ การทำงานของต่อมไทรอยด์ติดอยู่ในอัตราที่ต่ำเป็นเวลานาน ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในนามของปัญหาไทรอยด์ต่ำ การรับประทานน้ำมันมะพร้าวจะช่วยบู๊สท์พลังงานให้กับต่อมไทรอยด์ เนื่องจากน้ำมันมะพร้าวให้พลังงานสูง ดูดซับเร็ว จึงสามารถกระตุ้นให้ต่อมไทรอยด์กลับมาทำงานในอัตราปรกติได้
 
- น้ำมันมะพร้าวช่วยปกป้องคุ้มครองไต
โรคไตเป็นสภาวะแทรก ซ้อนของเบาหวาน ไตวายเป็นหนึ่งในสาเหตุหลักที่ทำให้เสียชีวิตของโรคเบาหวาน เมื่อระดับน้ำตาลในเลือดไม่ได้รับการควบคุมเป็นเวลานานปัญหาการไหลเวียนจึง เกิดขึ้น สร้างความเสียหายให้กับเส้นเลือดเล็กๆที่ไต มีหลักฐานว่าน้ำมันมะพร้าวช่วยป้องกันไตจากความเสียหาย และช่วยให้กลับมาทำงานได้อย่างถูกต้อง ตัวอย่างจากงานศึกษาชิ้นหนึ่ง สภาวะไตวายถูกทำให้มีขึ้นในสัตว์ทดลอง กลุ่มที่ได้รับน้ำมันมะพร้าวมีความเสียหายร้ายแรงเกิดขึ้นกับไตน้อยกว่า และมีอายุอยู่ได้นานกว่า นักวิจัยสรุปว่าน้ำมันมะพร้าวมีผลในการช่วยป้องกันไต ถ้าความเสียหายไม่รุนแรงจนเกินไป น้ำมันมะพร้าวสามารถช่วยให้อาการดีขึ้นได้ แต่ถ้าความเสียหายเกิดขึ้นอย่างถาวร น้ำมันมะพร้าวจะช่วยไม่ให้อาการเลวร้ายลงกว่าเดิม
 
- น้ำมันมะพร้าวมีคุณสมบัติในการฆ่าเชื้อ
น้ำมัน มะพร้าวเมื่อแตกตัวเป็นกรดไขมันอิสระจะมีคุณสมบัติในการฆ่าเชื้อโรค การรับประทานน้ำมันมะพร้าวเป็นประจำจะทำให้เชื้อโรคร้ายต่างๆในร่างกายของ เราลดลง ทำให้ไม่ค่อยเจ็บไข้ได้ป่วย การฆ่าเชื้อของน้ำมันมะพร้าวไม่เหมือนกับการฆ่าเชื้อด้วยยาปฎิชีวนะ จึงไม่ทำให้เชื้อเกิดการดื้อยา นอกจากนี้น้ำมันมะพร้าวยังช่วยขับถ่ายพยาธิอีกด้วย
 
- น้ำมันมะพร้าวกับปัญหาเชื้อรา
เชื้อ ราในที่นี้มีชื่อว่าเชื้อราแคนดิดา คุณผู้หญิงจะรู้จักมันในรูปแบบของเชื้อราในช่องคลอด บรรดาคุณพ่อคุณแม่จะรู้จักมันในรูปแบบของเชื้อราที่เกิดตามปากและช่องคอของ เด็กอ่อน หรือเชื้อราตามผิวหนังที่เกิดภายใต้ความอับชื้นของผ้าอ้อม ปกติ เชื้อราแคนดิดาอาศัยอยู่ในลำไส้ของมนุษย์อย่างไม่มีพิษภัย เนื่องจากถูกสารที่เกิดจากแบ็คทีเรียชนิดดีคอยควบคุมไว้ จึงมีจำนวนไม่มากนัก แต่เมื่อเรารับประทานยา บางชนิดโดยเฉพาะ ยาปฏิชีวนะ จำพวกสเตียรอยด์ (คอร์ซิโตน, เอทีซีเอช, เพร็ดนิโซน, และยาคุมกำเนิด) ยาพวกนี้จะฆ่าแบ็คทีเรียในลำไส้ของเราไม่ว่าเป็นชนิดดีหรือชนิดร้าย แต่ไม่ฆ่าเชื้อราแคนดิดา เมื่อไม่มีแบ็คทีเรียคอยควบคุม เชื้อราแคนดิดาจะทวีจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็วและเปลี่ยนรูปแบบโครงสร้างของตัว เองเป็นราหลายเซลฝังตัวลงในลำไส้ ทำให้ลำไส้เป็นแผล เกิดโรคลำไส้อักเสบ น้ำมันมะพร้าวมีฤทธิ์ฆ่าเชื้อราพวกนี้ และสามารถคืนความสมดุลให้กับลำไส้เมื่อเรารับประทานเป็นประจำ
 
- น้ำมันมะพร้าวช่วยแก้ปัญหาการอักเสบเรื้อรัง
ท่านที่ มีปัญหาไม่สบายเนื้อตัวโดยไม่ทราบสาเหตุ ผิวหนังมีอาการแพ้หรืออักเสบเรื้อรังเป็นรอยด่างดำ มีการอักเสบที่ระบบทางเดินอาหารทำให้ท้องเสียเรื้อรัง การรับประทานน้ำมันมะพร้าวทุกวันสามารถแก้ปัญหานี้ได้ เพราะน้ำมันมะพร้าวจะเข้าไปช่วยสร้างความสมดุลในระบบทางเดินอาหารเช่นใน กระเพาะและลำไส้ ช่วยลดจำนวนของแบ็คทีเรียร้าย และทำให้แบ็คทีเรียชนิดดีเพิ่มปริมาณมากขึ้น
 
- น้ำมันมะพร้าวไม่ทำอันตรายแบ็คทีเรียชนิดดีในลำไส้
ในร่าง กายของคนเรา ส่วนมากในลำไส้จะประกอบด้วยแบ็คทีเรียชนิดที่เป็นคุณและเป็นโทษกับร่างกาย แบ็คทีเรียชนิดดีจะคอยควบคุมของปริมาณของแบ็คทีเรียร้ายไม่ให้มีมากเกินไป การรับประทานยาบางชนิดจะไปฆ่าแบ็คทีเรียทั้งชนิดที่เป็นโทษและเป็นคุณกับ ร่างกาย การรับประทานน้ำมันมะพร้าวจะไม่ฆ่าแบ็คทีเรียชนิดดี เพราะแบ็คทีเรียชนิดดีก็เช่นเดียวกับร่างกายหรือเซลล์ของร่างกาย ที่ชอบแต่อาหารที่ดีมีประโยชน์ ต่างกับแบ็คทีเรียร้ายที่ชอบอาหารพวกคาร์โบไฮเดรท
 
- น้ำมันมะพร้าวเป็นสารแอนตีออกซิแดนท์
การ เสื่อมสภาพหรือการออกซิเดชั่นของไขมันนั้น เกิดขึ้นได้ทั้งภายนอกและภายในร่างกาย การเสื่อมสภาพของไขมันในร่างกายทำให้เกิดโรคร้ายต่างๆมากมาย เช่นทำให้เกิดโรคมะเร็ง เส้นเลือดอุดตันอันนำไปสู่การเป็นโรคความดันโลหิตสูงและโรคหัวใจ การเสื่อมของประสาทตาในโรคเบาหวานเป็นต้น เนื่องจากน้ำมันมะพร้าวสามารถยับยั้งการเสื่อมสภาพของไขมัน ช่วยลดอนุมูลอิสระที่เกิดจากการเสื่อมสภาพของไขมันในร่างกาย น้ำมันมะพร้าวจึงเป็นสารแอนตีออกซิแดนท์
 
- น้ำมันมะพร้าวช่วยป้องกันการเกิดมะเร็ง โรคหัวใจ และเบาหวาน
ด้วยเหตุ ที่น้ำมันมะพร้าวช่วยลดอนุมูลอิสระ อันเกิดจากการเสื่อมสภาพหรือการออกซิเดชั่นภายในร่างกาย จึงช่วยลดการเสื่อมของหลอดเลือดหัวใจ ลดการเสื่อมของดวงตาในกรณีของโรคเบาหวาน และลดอนุมูลอิสระที่ก่อให้เกิดโรคมะเร็ง น้ำมันมะพร้าวจึงทำให้ร่างกายแข็งแรง ไม่เจ็บป่วยด้วยโรคต่างๆด้วยเหตุนี้
 
- น้ำมันมะพร้าวทำให้เหงือกแข็งแรง
ปัญหาโรค เหงือก เหงือกช้ำ บวม แดง หรือมีเลือดออกตามไรฟัน สามารถแก้ได้โดยการรับประทานน้ำมันมะพร้าวเป็นประจำ เพราะน้ำมันมะพร้าวทำให้ร่างกายแข็งแรง ทำให้เหงือกแข็งแรง (อาการเกี่ยวกับเหงือกอาจเป็นอาการแทรกซ้อนของโรคเบาหวาน)
 
- น้ำมันมะพร้าวกับการทำออยล์พูลลิ่ง
ออยล์พู ลลิ่งเป็นการบำบัดด้วยวิธีทางธรรมชาติ โดยการอมและเคลื่อนน้ำมันไปทั่วช่องปากประมาณวันละ 15-20 นาทีจึงบ้วนทิ้งไป ออยล์พูลลิ่งจะดึงแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดโรคหรือสร้างสารพิษออกจากช่องปาก ทำให้ช่องปากรวมไปถึงร่างกายมีสุขภาพดี น้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์บีบเย็นเหมาะจะใช้ทำออยล์พูลลิ่ง เนื่องจากเป็นน้ำมันที่ดีต่อสุขภาพมากกว่าน้ำมันพืชชนิดใด มีความสะอาด และยังมีกลิ่นรสเป็นที่น่าพอใจอีกด้วย
 
- เรื่องราวของน้ำมันมะพร้าวกับต่อมลูกหมาก
ชายผู้ หนึ่งอาศัยในประเทศฟินแลนด์ มีปัญหาต่อมลูกหมากโตทำให้ปัสสาวะลำบากมาเป็นเวลากว่าสิบปีจนต้องรับประทาน ยาติดต่อกันมา 7-8 ปีแล้ว แต่ผลข้างเคียงของยาทำให้คัดจมูก ชายผู้นี้ได้ความรู้จากอินเตอร์เน็ทว่า น้ำมันปาล์มสกัดสามารถแก้ปัญหาต่อมลูกหมากโตโดยไม่มีผลข้างเคียง จึงเปลี่ยนมาใช้น้ำมันปาล์มสกัดแทนยาโดยได้ผลเป็นที่น่าพอใจ ต่อมาเขาสังเกตว่ากรดไขมันในน้ำมันมะพร้าวและกรดไขมันในน้ำมันปาล์มนั้นมี ความเหมือนกันในส่วนประกอบหลัก จึงเปลี่ยนมาใช้น้ำมันมะพร้าวแทนน้ำมันปาล์มสกัดที่หาซื้อยากในฟินแลนด์ ปัจจุบันเขารับประทานน้ำมันมะพร้าวติดต่อกันมาได้ 3 ปีแล้วโดยไม่มีปัญหากับการปัสสาวะ
 
- น้ำมันมะพร้าวกับเอนไซม์
เอนไซม์ มีหน้าที่เร่งปฏิกิริยาเคมีในสิ่งมีชีวิต จึงมีความสำคัญกับชีวิตเป็นอย่างมาก หากเอนไซม์หยุดทำงานชืวิตจะดับสิ้นไปอย่างรวดเร็ว ยาพิษที่ชื่อไซยาไนด์มีฤทธิ์หยุดยั้งการทำงานของเอนไซม์ เมื่อเข้าไปสู่ร่างกายจะทำให้เสียชีวิตภายในเวลาไม่กี่วินาทีเพราะไปหยุด ยั้งการทำงานของเอนไซม์
แต่ ถ้าเอนไซม์ในร่างกายบกพร่องมีปริมาณลดน้อยลงเนื่องจากรับประทานอาหารที่ไม่ มีเอนไซม์ ร่างกายจะเสื่อมโทรมเป็นบ่อเกิดของโรคต่างๆ น้ำมันมะพร้าวมีส่วนช่วยให้ร่างกายประหยัดเอนไซม์ทั้งทางตรงและทางอ้อม จึงมีส่วนทำให้ร่างกายมีสุขภาพแข็งแรงในอีกทางหนึ่ง
 
- น้ำมันมะพร้าวกับเอดส์
การ ทดลองเรื่องผลของน้ำมันมะพร้าวที่มีต่อไวรัส HIV ทำขึ้นครั้งแรกที่โรงพยาบาลซานลาซาโรในประเทศฟิลิปปินส์ การทดลองกระทำกับกลุ่มคนไข้อายุ 22-38 ปีที่ไม่เคยรับการรักษา HIV มาก่อน การทดลองใช้ระยะเวลา 6 เดือน ผลการทดลองวัดจากปริมาณไวรัสในเลือดและปริมาณของ CD4 (ซีดีโฟร์-ปริมาณของเซลล์เม็ดเลือดขาว) โดยให้คนไข้บางส่วนรับประทานน้ำมันมะพร้าววันละ 3½ ช้อนโต๊ะหรือน้อยกว่าเป็นประจำทุกวัน และให้คนไข้บางส่วนรับประทานโมโนลอริน ซึ่งเป็นโมโนกลีเซอร์ไรด์ของกรดลอริคในน้ำมันมะพร้าว เมื่อ สิ้นสุดการทดลอง คนไข้ 8 ใน 14 คนมีปริมาณไวรัสในเลือดลดลง, 5 คนมีปริมาณ CD4 เพิ่มขึ้น และ 11 คนมีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งทั้งหมดเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงการมีสุขภาพดีขึ้น น.พ.คอนราโด เดย์ริท กล่าวว่า "ผลการทดลองนี้ยืนยันคำกล่าวที่ว่า น้ำมันมะพร้าวมีฤทธิ์ในการฆ่าเชื้อและสามารถช่วยให้ปริมาณไวรัส HIV ลดลงได้"
 
- การรับประทานน้ำมันมะพร้าว
คำ ถามแรกที่ผู้เริ่มเรียนรู้ประโยชน์ของน้ำมันมะพร้าวมักจะถามคือ ควรรับประทานน้ำมันมะพร้าวในปริมาณวันละเท่าไร? คำตอบคือ วันละเท่าไรก็ได้ที่คุณรู้สึกเหมาะสม แม้แต่วันละครึ่งช้อนก็มีประโยชน์ ขนาด ที่แนะนำคือ 3½ ช้อนโต๊ะสำหรับผู้ใหญ่ทั่วๆไป เป็นปริมาณที่อัตราส่วนพอๆกับกรดไขมันสายปานกลางธรรมชาติที่พบในน้ำนมแม่ ซึ่งเป็นปริมาณเพียงพอที่จะป้องกันทารกจากการติดเชื้อ การเจ็บไข้ได้ป่วย และช่วยในการรับสารอาหารที่มีคุณค่าในสภาวะปกติทั่วๆไป โดยเฉลี่ยรับประทานคราวละน้อยตลอดทั้งวันจนครบจำนวน สำหรับผู้ใหญ่ที่มีน้ำหนักประมาณ 70กก. ปริมาณ 3½ ช้อนโต๊ะเป็นปริมาณที่เหมาะสม ผู้ที่มีน้ำหนักน้อยกว่านี้สามารถลดปริมาณลง ½ ช้อนโต๊ะต่อน้ำหนักที่น้อยลง 10กก. ส่วนผู้ที่มีน้ำหนักมากกว่า 70กก. รับประทานวันละ 4 ช้อนโต๊ะถือเป็นปริมาณที่เหมาะสม
 
- น้ำมันมะพร้าวให้ผลดีที่สุดกับการบำรุงผิว
นอกจาก การเสื่อมสภาพหรือการเกิดออกซิเดชั่นจะเกิดขึ้นภายในร่างกายแล้ว การออกซิเดชั่นสามารถเกิดขึ้นภายนอกร่างกายได้เช่นเดียวกัน การเสื่อมสภาพภายนอกร่างกายเกิดขึ้นที่ผิวนั่นเอง ซึ่งจะออกในรูปของการแพ้ เกิดรอยด่างดำต่างๆ แม้แต่ผิวหนังเหี่ยวย่นก็เป็นผลของการเกิดออกซิเดชั่น การทาน้ำมันมะพร้าวที่ผิวจึงเป็นการลดหรือกำจัดอนุมูลอิสระที่เกิดขึ้นกับ ผิวนั่นเอง น้ำมันมะพร้าวยังปลอดภัยกับผิวเด็กเราจึงสามารถใช้ทาผิวทารก
 
- น้ำมันมะพร้าวอุดมไปด้วยวิตะมิน E คุณภาพสูง
วิตะมิน E ในน้ำมันมะพร้าวเป็นสารโทโคไทรอินอล ซึ่งเป็นรูปแบบของวิตะมิน E ที่มีประสิทธิภาพมากกว่าวิตะมิน E อีกรูปแบบหนึ่งที่เป็นสารโทโคเฟอรอล ซึ่งใช้กันอยู่ในเครื่องสำอางรักษาผิวทั่วไปถึง 40-50 เท่า
 
- น้ำมันมะพร้าวช่วยป้องกัน-รักษาฝ้า กระ และสามารถใช้เป็นยากันแดด
อนุมูล อิสระเป็นสาเหตุหนึ่งของการเป็นฝ้าและกระ วิตะมิน E ในน้ำมันมะพร้าวจะทำหน้าที่ละลายอนุมูลอิสระเหล่านั้น นอกจากนี้ยังสามารถใช้เป็นยากันแดดได้ดีอีกด้วย เนื่องจากเมื่อแห้งแล้วไม่เหนียวเหนอะหนะ
 
- น้ำมันมะพร้าวทำความสะอาดรูขุมขนช่วยลดปัญหาเรื่องสิว
เมื่อ ผิวหน้าของเราสกปรกรูขุมขนถูกอุดตัน ร่างกายไม่มีช่องทางให้ขับถ่ายของเสียจึงทำให้เกิดปัญหาเรื่องสิว ฝี และใบหน้าเกิดริ้วรอย การใช้เครื่องสำอาง เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้รูขุมขนถูกอุดตัน แต่รู้สึกว่าจะเป็นเรื่องที่เลี่ยงไม่ได้สำหรับคุณสาวๆ พอ ล ซอร์ซี่ บิดาแห่งการทำน้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์บีบเย็นกล่าวว่า เมื่อเราทาน้ำมันมะพร้าวที่ผิว น้ำมันจะซึมผ่านรูขุมขนและทำความสะอาดมัน ทำให้ร่างกายมีช่องทางขับถ่ายของเสีย เพื่อ เป็นการทดลอง พอลให้ใครสักคนเคี้ยวหมากฝรั่ง หลังจากนั้นพอลให้น้ำมันมะพร้าวแก่เขา 1 ช้อน หลังจากเคี้ยวหมากฝรั่งไปพร้อมกับน้ำมันมะพร้าว หมากฝรั่งจะค่อยๆละลายหายไปในปาก "นี่เป็นสิ่งเดียวกันกับที่เกิดขึ้นกับสิ่งสกปรกที่อุดตันรูขุมขน" พอลกล่าว
 
- น้ำมันมะพร้าวช่วยสมานผิวป้องกันการเกิดปัญหาหน้าท้องลาย
น้ำมัน มะพร้าวยังช่วยเร่งฟื้นฟูอาการบาดเจ็บและติดเชื้อของผิวหนังทุกชนิด ป้องกันการเกิดแผลเป็นที่น่าเกลียด หากใช้ก่อนล่วงหน้าอาการบาดเจ็บนั้นๆจะหายเร็วยิ่งขึ้น จึงเป็นการดีที่จะใช้เป็นประจำทุกวัน คุณผู้หญิงที่ต้องการจะเป็นแม่ หากนวดน้ำมันมะพร้าวที่หน้าท้อง ทุกวันตั้งแต่ก่อนไปจนตลอดและหลังการคลอด การเกิดท้องลายจะไม่เป็นปัญหา หรือผู้ที่เล่นเพาะกายเมื่อทำขนาดของร่างกายและกล้ามเนื้อให้ใหญ่ขึ้น บางคนมีริ้วรอยที่เกิดจากการยืดของผิวหนัง ปัญหานี้แก้ได้ด้วยน้ำมันมะพร้าว
 
- วิธีใช้น้ำมันมะพร้าวดูแลเส้นผมรากผมและหนังศีรษะ
น้ำมัน มะพร้าวช่วยให้ผมเป็นเงางามแข็งแรง บางคนกล่าวว่าช่วยให้ผมไม่หงอกก่อนวัยและช่วยให้ผมไม่ร่วงป้องกันศีรษะล้าน ยังดีต่อหนังศีรษะและช่วยควบคุมรังแค วิธีใช้ น้ำมันมะพร้าวดูแลเส้นผมรากผมและหนังศีรษะ ชโลมให้ทั่วหนังศีรษะ ด้วยปริมาณที่เหมาะสมประมาณหนึ่งถึงสองช้อนชา นวดหนังศีรษะจนน้ำมันแทรกซึมทั่วหนังศีรษะและเส้นผมแต่อย่าใช้มากจนเปียก เกินไป หลังจากนั้น ทิ้งไว้อย่างน้อย 15 นาที (ยิ่งทิ้งไว้นานเท่าไรยิ่งดี) เพื่อให้น้ำมันแทรกซึมสู่หนังศีรษะจึงค่อยสระออก คุณอาจใช้ใส่ผมตั้งแต่ตื่นนอน และทิ้งไว้จนกระทั่งอาบน้ำตอนเช้าจึงสระออก หรือคุณอาจใช้ใส่ผมในตอนกลางคืนก่อนนอน โดยใช้หมวกอาบน้ำคลุมผมไว้ แล้วค่อยสระออกเมื่ออาบน้ำตอนเช้าก็ได้ คุณจะประหลาดใจที่ผมของคุณดูสวยเป็นเงางามและมีรังแคลดน้อยลง
 
- น้ำมันมะพร้าวเหมาะจะใช้เป็นน้ำมันนวด
น้ำมัน มะพร้าวเหมาะที่สุดที่จะใช้เป็นน้ำมันนวด (massage therapy) เนื่องจากคุณสมบัติในการฟื้นฟูของมัน ช่วยให้ผิวหนังมีสุขภาพแข็งแรงดูมีน้ำมีนวล และยัง ช่วยผ่อนคลาย ลดอาการบาดเจ็บของกล้ามเนื้อ ที่สำคัญไม่ทำให้เสื้อผ้าเปื้อน จึง ไม่ทำให้ที่นอนหรือผ้าปูที่นอนเสียหาย หากแม้คุณทำหกบนที่นอน รอยเปื้อนจะต่างจากรอยเปื้อนของน้ำมันอื่น น้ำมัน มะพร้าวอย่างเดียวก็เหมาะจะใช้เป็นน้ำมันนวด อย่างไรก็ตาม น้ำมันมะพร้าวร่างกายสามารถดูดซับได้ง่าย ผู้นวดหลายคนจึงผสมน้ำมันมะพร้าวกับน้ำมันไม่อิ่มตัวเชิงเดียวชั้นดีอย่าง น้ำมันอัลมอนด์ ในอัตราส่วน น้ำมันอัลมอนด์ 1 ส่วนต่อน้ำมันมะพร้าว 2 ส่วน ซึ่งทำให้น้ำมันมีความเรียบลื่นขึ้นเมื่อนวดผ่านผิวหนัง
 
- สามารถใช้น้ำมันมะพร้าวนวดบรรเทาปัญหาข้ออักเสบ
ปัญหาข้อ อักเสบ ขัด บวม และเจ็บปวด สามารถบรรเทาได้โดยการใช้น้ำมันมะพร้าวทาให้ชุ่มและนวดตรงบริเวณที่มีปัญหา เป็นประจำหรืออาจใช้ผ้าพันไว้ อาการบวมจะลดลง และความเจ็บปวดก็จะลดลงด้วย
 
- น้ำมันมะพร้าวกับการควบคุมน้ำหนัก
หากจะถามว่าน้ำมันมะพร้าวช่วยลดน้ำหนักได้จริงหรือไม่? คำตอบคือ จริง แต่เป็น การช่วยทางอ้อม ไม่ได้เป็นผลโดยตรง ข้อ ดีของน้ำมันมะพร้าวอยู่ที่ เป็นกรดไขมันสายปานกลาง จึงย่อยได้ง่ายกว่า (ไขมันชนิดอื่นเป็นกรดไขมันสายยาว ต้องใช้เอ็นไซม์จากตับอ่อนเป็นตัวช่วยย่อย) และถูกส่งไปที่ตับโดยตรงเพื่อสร้างพลังงาน ทำให้ไม่ไหลเวียนในเส้นเลือดและสะสมตามเซลล์ไขมันเหมือนไขมันชนิดอื่นๆ ยังให้พลังงานได้มากกว่า ทำให้อิ่มเร็วขึ้นและอิ่มนาน ผลคือรับประทานอาหารน้อยลง เพียงแค่ เปลี่ยนมาใช้น้ำมันมะพร้าวปรุงอาหารแทนน้ำมันชนิดอื่นๆที่ใช้อยู่เป็นประจำ จะทำให้นน.ลดลงได้หลายกก.ใน 3 เดือน การควบ คุมน้ำหนักหรือลดน้ำหนักด้วยการรับประทานน้ำมันมะพร้าว จึงต้องกระทำด้วยสามัญสำนึกของการลดนน. คือต้องออกกำลังกาย หลีกเลี่ยงการรับประทานคาร์โบไฮเดรท โดยเฉพาะน้ำตาลฟอกขาว ข้าวขัดขาว ขนมปังขาว และควรรับประทานผักสดและผลไม้สดให้มาก
 
เอกสารอ้างอิง
 
- น้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์สกัดเย็น (Virgin coconut oil) มีการผลิตและจำหน่ายแพร่หลายในท้องตลาด โดยเฉพาะประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น ฟิลิปปิน มาเลเซีย อินโดนีเซีย และไทย / Marina AM, Che Man YB, Amin I. Virgin coconut oil: Emerging functional food oil.  Trends in Food Science & Technology.  2009; 20: 481-7.

- น้ำมันมะพร้าวประกอบด้วยกรดไขมันอิ่มตัว 90% (saturated fatty acid) ซึ่งเป็นกรดลอริค (Lauric acid) 45-48% และเป็นกรดไขมันชนิดสายสั้น และสายกลาง 30-36% / Wang LL, Yang BK, Parkin KL, Johnson EA.  Inhibition of Listeria monocytogenes by monoacylglycerols synthesized from coconut oil and milkfat by lipase-catalyzed glycerolysis.  Journal of Agricultural and Food Chemistry.  1993;41:1000-5.

- ผลของน้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์สกัดเย็นต่อเชื้อจุลชีพ พบว่า น้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์สกัดเย็นสามารถกำจัดเชื้อแบคทีเรีย สแตปฟิโลคอคคัส ออเรียส (Staphylococcus aureus) ในผู้ป่วยโรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง (Atopic dermatitis) ได้ 95% / Verallo-Rowell VM, Dillague KM, Syah-Tjundawan BS.  Novel antibacterial and emollient effects of coconut and virgin olive oils in adult atopic dermatitis.  Dermatitis.  2008;19:308-15.

- กรดไขมันลอริคในน้ำมันมะพร้าวมีฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรียลิสทีเรีย โมโนไซโตจิเนส (Listeria monocytogenes) / Wang LL, Yang BK, Parkin KL, Johnson EA.  Inhibition of Listeria monocytogenes by monoacylglycerols synthesized from coconut oil and milkfat by lipase-catalyzed glycerolysis.  Journal of Agricultural and Food Chemistry.  1993;41:1000-5.

- ฤทธิ์ในการต้านเชื้อราแอสเปอร์จิลลัส ไนเกอร์ (Aspergillus niger) / Rihakova Z, Filip V, Plockova M, Smidrkal J, Cervenkova R.  Inhibition of Aspergillus niger DMF 0801 by monoacylglycerols prepared from coconut oil.  Czech-Journal-of-Food-Sciences-UZPI.  2002;20:48-52.

- เชื้อราตระกูลแคนดิดา (Candida spp.) / Ogbolu DO, Oni AA, Daini OA, Oloko AP.  In vitro antimicrobial properties of coconut oil on Candida species in lbadan, Nigeria. J Med Food.  2007;10:284-7.

- น้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์ในทางการแพทย์ โดยมีการใช้น้ำมันมะพร้าวในการบรรเทาอาการจากแผลไฟไหม้ (Burn wound) / Chaichit C.  Thai Herbs and Herbal Products.  Bangkok: Srimuang Printing Co.; 2004.

- น้ำมันมะพร้าวจะมีบทบาทช่วยเสริมระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย พบว่ากรดลอริคในน้ำมันมะพร้าวเป็นสารตั้งต้นของโมโนลอรินที่มีบทบาทในการ เพิ่มจำนวนของเซลล์ภูมิคุ้มกัน (Immune cell proliferation) / Witcher KJ, Novick RP, Schlievert PM.  Modulation of immune cell proliferation by glycerol monolaurate.  Clin Diagn Lab Immunol.  1996;3:10-3.

- น้ำมันมะพร้าวมีบทบาทในการต้านการอักเสบ (Anti-inflammation) ลดอาการปวด (Analgesic) ลดไข้ (Antipyretic) / Intahphuak S, Khonsung P, Panthong A.  Anti-inflammatory, analgesic, and antipyretic activities of virgin coconut oil.  Pharm Biol.  2010;48:151-7.

- น้ำมันมะพร้าวทาบริเวณแผลที่ผิวหนังในหนูทดลองจะพบว่าช่วยลดระยะเวลา ในการหายของแผลให้เร็วขึ้น และพบว่ามี Pepsin soluble collagen เพิ่มขึ้น ซึ่งแสดงว่ามีการสานต่อของเส้นใยคอลลาเจนและ มีการทำงานของ Glycohydrolase สูงขึ้น แสดงถึงอัตราการผลัดเซลล์คอลลาเจน (Turnover of collagen) ที่สูงขึ้น น้ำมันมะพร้าวจะพบว่ามีการเพิ่มจำนวนของไฟโบรบลาส (Fibroblast proliferation) และมีการสร้างเส้นเลือดใหม่ (Neovascularization) เกิดขึ้น / Nevin KG, Rajamohan T.  Effect of topical application of virgin coconut oil on skin components and antioxidant status during dermal wound healing in young rats. Skin Pharmacol Physiol.  2010;23:290-7.