วันอังคารที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

เรียวขาสาวด้วยแว็กช์น้ำมันมะพร้าว

   ครีมกำจัดขนสูตรน้ำมันมะพร้าวเป็นทางเลือกหนึ่งที่ปลอดภัยหายห่วงเรื่องอาการแพ้



ส่วนผสม

น้ำมันมะพร้าว  1/2 ถ้วย









แป้ง Besan 1 ถ้วย











ขมิ้นชันผง 1 ช้อนชา









วิธีทำ

   ผสม แป้ง  Besan กับ ขมิ้นชันผง  ให้เข้ากันจากนั้นค่อยๆเติมน้ำมันมะพร้าวลงไปคนจนเป็นเนื้อแป้งข้นเหนียว พักไว้

วิธีใช้

  1.หลังอาบน้ำ ซับขาด้วยผ้าสะอาด จากนั้นทาส่วนผสมทั่วบริเวณขาที่ต้องการกำจัดขน
  2.รอจนส่วนผสมแห้ง ต่อยๆขัดออกด้วยมือหรือผ้าโดยขัดเป็นวงกลมขนจะหลุดออกมากับแป้ง
  3.ล้างออกด้วยน้ำสะอาด เช็ดให้แห้ง ทาน้ำมันมะพร้าวบางๆจะข่วยให้ผิวนุ่มชุ่มชื่อนขึ้น


ขอบคุณข้อมูลดีๆจาก

หนังสือ ประโยชน์มหัศจรรย์ น้ำมันมะพร้าว


 

คุณประโยขน์ แป้ง Besan

แป้ง Besan   

เป็นส่วนประกอบในการทำขนมของชาว อินเดีย ปากีสถาน เนปาล และบังคลาเทศ ที่อาจจะไม่เป็นที่คุ้นหูกันนัก เพราะมีชื่อเรียกที่หลากหลายทั้งแป้งกรัม และแป้งถั่วลูกไก่ (Chickpea Flour) ซึ่งมีคุณประโยชน์มากมายต่อผิวพรรณโดยที่คุณอาจคาดไม่ถึง


สูตรลับสำหรับผิวตั้งแต่รุ่นคุณยาย

          แต่เดิมนั้น เจ้าสาวที่เตรียมเข้าพิธีแต่งงานจะใช้แป้งกรัม ขมิ้น และนม ผสมกันเพื่อบำรุงผิวพรรณให้สวยเนียนเปล่งปลั่งก่อนเข้าพิธีแต่งงานจริง ส่วนเด็กทารกผู้หญิงจะถูกใช้แป้งกรัมและนมเช็ดถูไปตามตัวก่อนอาบน้ำ เพื่อลดปริมาณขนตามร่างกายไม่ให้เกิดขึ้นเยอะ จึงไม่แปลกใจเลยว่าคุณรุ่นก่อน ๆ มีผิวพรรณดูสวยเปล่งปลั่งโดยที่ไม่จำเป็นต้องใช้สกินแคร์ราคาแพงเหมือนคนยุค ปัจจุบัน 

มาส์กผิวสว่างกระจ่างใส

          สำหรับสาว ๆ ที่กังวลเรื่องสีผิวไม่สม่ำเสมอหรือผิวหมองคล้ำจากแดด ก็อาจจะบำรุงหน้าให้ดูสว่างกระจ่างใสมากขึ้นได้ ด้วยการใช้แป้งกรัม 1/2 ช้อนชา, ขมิ้นผง 1/4 ช้อนชา และนมสดที่ไม่ได้ต้มมาผสมกัน จากนั้นนำมามาส์กใบหน้าและลำคอ รวมทั้งเน้นที่ผิวมีปัญหาสีไม่สม่ำเสมอ จากนั้นทิ้งไว้ให้แห้งจนรู้สึกว่าตึงผิวแล้วค่อยล้างออกด้วยน้ำอุ่น นอกจากนี้ยังสามารถใช้บำรุงตรงข้อศอก รอบดวงตา ใต้วงแขน และหัวเข่า เพื่อให้สีผิวที่คล้ำกลับดูขาวกระจ่างใสอย่างเป็นธรรมชาติได้ด้วย

มาส์กลดปัญหาสิว

          ปัญหาสิวอันน่ารำคาญใจ สามารถกำจัดได้ด้วยการนำแป้งกรัม 2 ช้อนชามาผสมกับไข่ขาว 1 ฟอง จนได้เนื้อมาส์กที่ฟูนุ่ม แล้วนำมามาส์กไว้บนหน้าประมาณ 15 นาที จึงล้างออก ก็จะช่วยขจัดความมันจากรูขุมขน ที่เป็นสาเหตุของการเกิดสิวได้ชะงัด หรือถ้าต้องการกำจัดปัญหารอยสิวที่กวนใจ ก็ทำได้โดยการนำน้ำแตงกวามาผสมกับแป้งกรัม แล้วนำมามาส์กหน้า 2 วันต่อครั้ง จะช่วยให้รอยสิวค่อย ๆ จางลงไปได้

มาส์กขจัดปัญหาหน้าแห้งผาก

          สาว ๆ คนไหนที่มีปัญหาหน้าแห้งเป็นขุย แม้ว่าจะบำรุงมากเท่าไรก็ยังแห้งผากอยู่ ให้นำแป้งกรัม 1 ช้อนชา, นมผง 1 ช้อนชา, น้ำผึ้งครึ่งช้อนชา และน้ำมะนาวเพียงเล็กน้อยมาผสมรวมกัน นำมามาส์กหน้า เพียงเท่านี้ใบหน้าแห้ง ๆ ของคุณก็จะดูชุ่มชื้นมีน้ำมีนวลขึ้นเป็นกอง

ครีมโฟมล้างหน้าเพื่อหน้าสะอาดใส

          หากรู้สึกว่าผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่มีขายตามท้องตลาดใช้แล้วก็ไม่ได้ผล ลองมาทำครีมล้างหน้าใช้เองด้วยการใช้แป้งกรัม 1 ช้อนชา, ผงขมิ้น 1 ช้อนชา, ผงไม้จันทน์ 1 ช้อนชา น้ำกุหลาบเล็กน้อย และอาจจะเพิ่มครีมสดไปด้วย 1 ช้อนชา เพื่อความฟูนุ่มของเนื้อครีมล้างหน้า จากนั้นนำมานวดวนเป็นวงกลมทั่วหน้าให้รู้สึกผ่อนคลาย แล้วล้างออกด้วยน้ำเย็น แต่หากใครหน้ามันก็อาจใช้นมสดแทนครีมสดได้ ส่วนคนที่อยากได้เนื้อสครับก็อาจจะข้ามการใส่ครีมสดหรือนมสดไปได้





ข้อมูลจาก

http://women.kapook.com/view92319.html
 

DIY.ไนต์ครีมน้ำมันมะพร้าวย้อนวัยสาว



ไนต์ครีมน้ำมันมะพร้าว

 สตูรนี้เหมาะสำหรับผู้มีปัญหาผิวแห้ง หรือทำไว้ใช้เมื่อเข้าสู่หน้าหนาว สตูรนี้จะเพิ่มความชุ่มชืาน เปลี่ยนผิวหน้าของคุณให้เนียนนุ่ม น่าสัมผัส ราวกับผิวเด็กและสดใสขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ

ส่วนผสม

น้ำมันมะพร้าว  1 ข้อนโต๊ะ


 เชียร์บัตเตอร์  3 ช้อนโต๊ะ


 ทีทรีออยล์  2-3 หยด


วิธีทำ

1.ผสมน้ำมันมะพร้าวกับเชียร์บัตเตอร์ โดยใช้หลังช้ินค่อยๆบดจนเข้ากันดี
2.หยด ทีทรีออยล์ ลงไปผสมให้เข้ากัน

วิธีใช้

  ก่อนนอน หลังอาบน้ำ ทาครีมบนผิวหน้าและลำคอ นวดจนเนื้อครีมซึมเข้าสู่ผิว เมื่อตื่นขึ้นมาในตอนเช้าจะรู้สึกได้ว่าผิวหน้าเนียนนุ่ม ใช้ได้บ่อยครั้งเท่าที่ต้องการ



Tea Tree Oil คือ

Tea Tree Oil คือ น้ำมันที่ได้จากการกลั่นส่วนใบของต้น Tea Tree หลายคนอาจสงสัย

    ว่าต้น Tea Tree คืออะไร Tea Tree เป็นพืชพื้นเมืองของประเทศออสเตรเลีย มักพบในบริเวณ
ชายฝั่งทางเหนือของ New South Wales ประเทศออส เตรเลีย เป็นแหล่งผลิต Tea Tree Oil ที่
ใหญ่ที่สุดในโลก (ประมาณ 99% ของ Tea Tree Oil ผลิตจากประเทศออสเตรเลีย) โดยมีปริมาณ
การผลิตถึง 400 ตันต่อปีและมีมูลค่าการส่งออกสูงถึง 18 ล้านเหรียญดอลล่าร์สหรัฐต่อปี Tea Tree
Oil
ส่วนใหญ่จะส่งออกไปยังทวีปอเมริกาเหนือและทวีปยุโรป แต่ในปัจจุบันหลายประเทศต้องการ
มีส่วนแบ่งทางการตลาดจากประเทศออสเตรเลีย โดยเริ่มมีโครงการผลิต Tea Tree Oil จากประเทศ
ต่าง ๆ เช่น จีน อินเดีย เวียตนาม มาเลเซีย และอินโดนีเซีย เป็นต้น




Tea Tree Oil มีชื่อวิทยาศาสตร์ คือ Melaleuca alternifolia เป็นพืชในวงศ์ Myrtaceae
ชอบอาศัยอยู่บริเวณที่มีความชุ่มชื้น เพราะฉะนั้นการปลูกต้น Tea Tree ให้ได้ oil ที่มีทั้งคุณภาพ
และปริมาณที่ดีนั้น จะต้องปลูกบนพื้นดินที่มีความอุดมสมบูรณ์และมีระบบการชลประทานที่ดี
ปริมาณ oil ที่พบในใบจะแตกต่างกันตามฤดูกาล โดยในช่วงฤดูร้อน (เดือนกันยายนถึงตุลาคม)
จะเป็นช่วงที่ใบมีปริมาณ oil มากที่สุด ส่วนในฤดูหนาวพบว่าปริมาณ oil จะลดลง
ในสมัยก่อนชาว Aborigines ซึ่งเป็นชาวพื้นเมืองของประเทศออสเตรเลีย ใช้ใบของ Tea Tree
เพื่อลดไข้บรรเทาอาการปวดศีรษะและอาการปวด อื่น ๆ รวมทั้งยังมีสรรพคุณในการไล่แมลง
อีกด้วย
ในปัจจุบัน มีการนำ Tea Tree Oil มาใช้เป็นส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ อย่าง
แพร่หลาย เช่น เป็นส่วนผสมในแชมพู ครีมนวดผม สบู่ ครีม และโฟมล้างหน้า เป็นต้น
สารประกอบใน Tea Tree Oil มีมากกว่า 100 ชนิด ซึ่ง 50-60% ของ Tea Tree Oil จะเป็นสารพวก Terpenes (pinenes, terpinene และ cymene) และ Sesquiterpenes โดยพบ
Terpinen-4-ol ซึ่งเป็นสารสำคัญ มีฤทธิ์ antimicrobial activity Tea tree Oil ที่มีคุณภาพ
ดีจะต้องมีปริมาณ Terpinen-4-ol ไม่ต่ำกว่า 30%

ผลทางด้านความปลอดภัย
นักวิจัยที่ University of Western Autralia พบว่า การใช้ Tea Tree Oil ทาบริเวณ ผิวหนัง
เป็นระยะเวลานาน จะทำให้เกิดอุบัติการณ์การแพ้ทางผิวหนังน้อยมาก แต่ Tea Tree Oil สามารถเกิด
ขบวนการ oxidation ซึ่งก่อให้เกิด peroxides ซึ่งสามารถทำให้ผิวหนังระคายเคืองได้ แต่ขบวนการ
oxidation จะเกิดขึ้นเนื่องจากการเก็บที่ไม่เหมาะสม ฉะนั้นควรเก็บไว้ในที่เย็น ไม่สัมผัสแสง อุณหภูมิ
ไม่ร้อนจนเกินไปเพื่อหลีกเลี่ยงขบวนการ oxidation

ฤทธิ์ทางเภสัชวิทยา
1. Broad Spectrum Antimicrobial
  Gram Positive Bacteria  MIC*
 Bacillus subtilis  0.4%
 Propionibacterium acnes  0.5%
 Staphylococcus aureus  0.2%
 M.R.S.A.  0.5%
 Staphylococcus epidermis  0.5%
  Gram Negative Bacteria  MIC
 Escherichia coli  0.2%
 Klebsiella pneumonia  0.3%
 Proteus vulgaris  0.3%
 Pseudomonas aeruginosa  >0.1%
  Fungi and Yeasts  MIC
 Aspergillus niger  0.4%
 Candida albicans  0.2%
 Pityrosporum ovales  0.2%
 Trichophyton mentagrophytes  0.4%
* Minimum inhibitory concentration for pharmaceutical grade Tea Tree oil
2. Mild Anti-inflammatory Action
มีงานวิจัยที่แสดงว่า Tea Tree Oil ความเข้มข้น 0.05% สามารถยับยั้งการหลั่ง
superoxide จาก neutrophils ในเซลล์เพาะเลี้ยงได้ จากกลไกนี้สามารถช่วยบรรเทาอาการผื่นคัน
ผื่นแดง การระคายเคืองทางผิวหนังได้
3. Antifungal
นักวิจัยแห่ง University of Western Australia พบว่า Tea Tree Oil ความเข้มข้น
0.06-0.5% สามารถยับยั้งการเจริญของเชื้อ Candida, Cryptococcus, Rhodotorula,
Saccharomyces และ Trichospron ได้
สำหรับเชื้อราพวก Dermatophytes เช่น Epidermophyton, Microsporum และ Trichophyton
ซึ่งก่อให้เกิดโรคกลาก เกลื้อน น้ำกัดเท้า พบว่า Tea Tree Oil ความเข้ม 0.004-0.06%
สามารถยับยั้งการเจริญของเชื้อเหล่านี้ได้

เอกสารอ้างอิง
1. http://www.rirdc.gov.au
2. http://www.drwellness.net
3. http://www.uq.net.au
4. http://www.positivehealth.com

มารู้จัก SHEA BUTTER กัน

    Shea butter อ่านว่า Shee (ชี) หรือ Shay (เชย์ ... เหมือน pay เพย์) ก็ได้ ... shea butter เนี่ย เป็นที่รู้จักในกลุ่ม africans มานานแสนนาน ... ใช้กับผิวหัวจรดเท้า ใช้กับเส้นผมก็ได้ 
       Shea butter ได้จากต้น Shea-Karite ขึ้นแถวๆ เส้นศูนย์ศูตรในทวีป Africa


 Shea butter เนี่ย สกัดมาจากเม็ด (nut) จากต้น Shea-Karite ... shea nuts อุดมไปด้วย fatty acid ซึ่งสามารถนำมาทำเป็น butter (เนย) ได้ ... ซึ่งเค้าว่ากันว่าดีกว่า cocao butter หลายเท่านัก

   วิธีทำก็เริ่มต้นจากการปอกเปลือก (ต้องทุบให้แตกออก เพราะเปลือกแข็ง) จากนั้นก็เอาไปคั่ว และบดให้ละเอียด (ใครเคยทำ pure peanut butter คงนึกออก) จากนั้นก็เอาไปเคี่ยว หรือกวน (ใส่น้ำด้วย) หลายชั่วโมงอยู่ ... จนเริ่มแยกชั้นเป็นเนยออกมา (อยู่ชั้นบน) ... จากนั้นก็ตักส่วนที่เป็นเนย ที่ลอยอยู่ด้านบน ออกมา ปล่อยให้เย็นและเซ็ตตัว ... shea butter จะแข็งตัวในอุณหภูมิห้อง ... และจะเปลี่ยนเป็นของเหลวที่อุณหภูมิร่างกาย ... ใครเคยใช้จะทราบ ... เห็นแข็งๆ ในกระปุก ... พอป้ายๆ จากกระปุก แล้วนวดๆ ที่ผิว จะลื่น (ละลาย) กลายเป็นน้ำมันไปเลย ... shea butter ที่ได้จากกระบวนการนี้เรียกว่า unrefined shea butter หรือ raw shea butter

การแบ่งเกรดของ shea butter แบ่งออกเป็น

Shea Butter-Organic Refined , Shea Butter-Unrefined และ Skinplants Shea Butter Soft  

Shea Butter-Organic Refined ในการผลิต Shea Butter-Organic Refined จะผ่านขั้นตอนการดึงสีดึงกลิ่นออกด้วย ความร้อนและสารเคมีทำให้วิตามิน,กรดไขมันรวมถึงแร่ธาตุบางส่วนสูญเสียไปแต่ จะทำให้ได้ Shea Butter ที่มีเนื้อสีเหลืองอ่อน ๆ หรือสีขาวและมีกลิ่นเฉพาะตัวของเชียร์ค่อนข้างน้อย นิยมใช้ในสูตรการผลิตเครื่องสำอางต่าง ๆ เนื่องจากมีกลิ่นและสีอ่อนทำให้ไม่มีผลต่อสูตรสินค้าและ Shea Butter-Organic Refined นี้ในขั้นตอนการเพาะปลูก,การเก็บเกี่ยวรวมถึงสารเคมีที่ใช้ในขั้นตอนการผลิต จะอยู่ภายใต้มาตรฐานออแกนิคของสถาบัน ECOCERT ประเทศฝรั่งเศส


Shea Butter-Unrefined ในการผลิต Shea Butter-Unrefined จะแตกต่างจาก Shea Butter-Organic Refined คือ Shea Butter-Unrefined ไม่ผ่านขั้นตอนการดึงสีดึงกลิ่นออกด้วย ความร้อนและสารเคมีทำให้มีความเป็นธรรมชาติสูงรวมถึงวิตามิน,กรดไขมันและแร่ ธาตุยังอยู่ครบแต่จะทำให้ได้ Shea Butter ที่มีเนื้อสีเหลืองและมีกลิ่นเฉพาะตัวของเชียร์แรงกว่า Shea Butter-Organic Refined


Skinplants Shea Butter Soft คือ การนำ Shea Butter-Organic Refined มาผ่านขั้นตอนการผลิตที่ลับเฉพาะทำให้ได้เนื้อสัมผัสที่เนียนนุ่ม บางเบา ซึมซาบเข้าสู่ผิวได้ดี ใช้งานง่าย แต่ยังคงคุณค่าของวิตามินและแร่ธาตุของ Shea Butter-Organic Refined เช่นเดิม


วิธีการเก็บรักษา
วัตถุดิบกลุ่ม Butter สามารถเก็บที่อุณหภูมิห้องปกติ ไม่จำเป็นต้องเก็บในตู้เย็น แต่ต้องหลีกเลี่ยงการเก็บในที่ร้อนหรือโดนแสงแดดส่องโดยตรง

ประโยชน์ของ  Shea Butter 7ประการ


1. อุดมไปด้วยวิตามินเอ

          ไม่แปลกใจเลยว่า ทำไมสาว ๆ หลายคนเลือกบำรุงผิวด้วยเชียร์ บัตเตอร์ ก็เพราะมันอุดมไปด้วยวิตามินเอในธรรมชาติ ซึ่งสามารถช่วยลดเลือนริ้วรอยและป้องกันริ้วรอยให้เกิดขึ้นช้าลงได้ด้วย ใครที่กลัวผิวหนังเหี่ยวย่นหรือแก่ก่อนวัย อย่ารอช้ารีบเลือกเชียร์ บัตเตอร์มาบำรุงผิวเลยจ้า

2. อุดมไปด้วยวิตามินอี

          นอกเหนือไปจากวิตามินเอแล้ว แต่ในเชียร์ บัตเตอร์ก็ยังอุดมไปด้วยวิตามินอี ที่สาว ๆ หลายคนชอบนำมาบำรุงเพื่อให้ผิวนุ่มชุ่มชื้นอีกด้วย อีกทั้งในสกินแคร์และครีมบำรุงผิวส่วนใหญ่ก็มีส่วนผสมของวิตามินอี ที่ทำหน้าที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระและช่วยปกป้องผิวไม่ให้แห้งเสียจากการ โดนแสงแดดทำร้าย

3. ช่วยรักษาโรคผิวหนัง

          เชียร์ บัตเตอร์ ก็เปรียบเหมือนกับเป็นมอยเจอร์ไรเซอร์ที่ช่วยให้ผิวชุ่มชื้นและรักษาโรคผิว หนังไปด้วยในคราวเดียวกัน ซึ่งในเชียร์ บัตเตอร์มีวิตามินหลากหลายชนิดและกรดไขมัน ที่จะช่วยรักษาโรคผิวหนังเมื่อเกิดอาการคันหรือมีผื่นแดง นอกจากวิตามินหลากหลายและกรดไขมันแล้ว เชียร์ บัตเตอร์ยังมีคุณสมบัติช่วยต่อต้านการอักเสบอีกด้วย

4. มีกรดซินนามิกช่วยป้องยูวี

          รู้หรือไม่ว่า ในเชียร์ บัตเตอร์มีกรดซินนามิก ที่จะช่วยปกป้องผิวจากรังสียูวีตัวการร้ายทำลายผิว โดยอาจพูดได้ว่าเชียร์ บัตเตอร์คือครีมกันแดดจากธรรมชาตินั่นเอง อีกทั้งยังมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระและช่วยฟื้นฟูเซลล์ใหม่ ซึ่งจะช่วยทำให้ผิวของคุณดูเปล่งปลั่งอ่อนเยาว์

5. มีกรดไขมันที่เป็นประโยชน์

          ในเชียร์ บัตเตอร์ ประกอบด้วยกรดไขมัน 5 ชนิด ทั้งกรดปาลมิติ (Palmitic Acid), กรดสเตียริก (Stearic Acid), กรดโอเลอิก (Oleic Acid), กรดไลโนเลอิค (Linoleic Acid) และกรดอะราคิโดนิก (Arachidonic Acicd) ซึ่งกรดเหล่านี้แหละจะช่วยให้คุณมีผิวยืดหยุ่นและอ่อนนุ่มน่าสัมผัส

6. ช่วยรักษาสิว

          แม้ว่าในเชียร์ บัตเตอร์จะอุดมไปด้วยกรดไขมัน แต่มันก็ยังเป็นมอยเจอร์ไรเซอร์ที่ดีเริดต่อผิวเป็นสิว เพราะมันจะไม่เข้าไปอุดตันรูขุมขน อีกทั้งยังมีคุณสมบัติต่อต้านเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งจะต่อต้านกับเชื้อโรคที่ทำให้เกิดสิว ที่สำคัญเชียร์ บัตเตอร์ยังช่วยลดรอยแดงรอยดำที่เกิดจากสิวด้วยนะ

7. บรรเทาผิวหนังที่ด้านหนา

          ผิวหนังที่ด้านหนา อย่างพวกตามข้อศอก ตาตุ่ม หรือในส่วนต่าง ๆ ที่ไม่อ่อนนุ่ม เมื่อสัมผัสไปแล้วก็รู้สึกรำคาญใจ ปัญหานี้สามารถใช้เชียร์ บัตเตอร์เข้ามาช่วยให้ผิวอ่อนนุ่มลงได้ ใครที่มีปัญหานี้ก็ลองนำเชียร์ บัตเตอร์มาบำรุงผิวดูนะคะ รับรองว่านุ่มน่าสัมผัสกว่าเดิมแน่นอน


ขอบคุณทุกข้อมูลจาก

http://buytropicalife.com/shea-butter-organic-refined.html

http://women.kapook.com/view92714.html